สนับสนุนเกษตรกรปลูกข้าวเฉลิมพระเกียรติในหลวง

ตรัง - ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยงจังหวัดตรัง จัดโครงการปลูกข้าวเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรกลับมาทำนา โดยใช้พื้นที่แค่ไม่กี่ไร่ แต่สามารถเพาะปลูกได้ถึงปีละ 3 ครั้ง

วันนี้ (19 ธ.ค.) นายเสนอ รัตนสำเนียง ผู้อำนวยการ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร (ศูนย์พันธุ์พืชเพาะเลี้ยง) จังหวัดตรัง กล่าวว่า เนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 7 รอบ 84 พรรษา เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ที่ผ่านมา

ในฐานะผู้ทรงนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเผยแพร่ต่อพสกนิกรชาวไทย จนนำมาสู่เกษตรทฤษฎีใหม่ด้วยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และบริหารงานในการทำเกษตรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ประกอบกับในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ได้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ภาคกลาง จนทำให้แหล่งเพาะปลูกโดยเฉพาะนาข้าวได้รับความเสียหายเป็นจำนวนมาก

ดังนั้น ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร จังหวัดตรัง จึงได้ดำเนินโครงการปลูกข้าวเฉลิมพระเกียรติฯ ขึ้น ด้วยการส่งเสริมให้เกษตรกรกลับมาทำนา โดยใช้พื้นที่เพียงไม่กี่ไร่แต่สามารถให้ผลผลิตเลี้ยงครอบครัวได้ตลอดทั้งปี และยังเหลือกินเหลือใช้เพื่อเอาไปจำหน่ายสร้างรายได้อีกด้วย

ทั้งนี้ ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตรได้ริเริ่มดำเนินโครงการนี้มา 2-3 ปีแล้ว ในแปลงเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 4 ไร่ โดยแบ่งนาข้าวออกเป็น 4 แปลงๆ ละ 1 ไร่ พร้อมยกคันดินขึ้นสูง 50 เซนติเมตร และมีคูน้ำโดยรอบ แต่จะต้องมีการขุดสระน้ำขนาดใหญ่ขึ้น 1 สระ เพื่อใช้เป็นแหล่งกักเก็บน้ำสำหรับการเพาะปลูกในหน้าแล้ง

ศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาอาชีพการเกษตร เลือกใช้ข้าวหอมมะลิพันธุ์ชัยนาท 1 เพราะเหมาะสำหรับนำไปทำข้าวกล้อง ซึ่งข้าวแต่ละรุ่นจะใช้ระยะเวลา 115 วัน หรือปีหนึ่งๆ สามารถปลูกได้ถึง 3 ครั้ง เนื่องจากพื้นที่ภาคใต้ค่อนข้างจะมีฝนตกชุกตลอดทั้งปี และมีระบบชลประทานที่ค่อนข้างดี ทั้งนี้ จะใช้วิธีการนำแบบนาหว่านน้ำตม เพื่อความสะดวกในการจัดการ และลดขั้นตอน เพราะไม่ต้องมาปักดำ หลังจากนั้น ประมาณ 15 วัน ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 16-20-0 ไร่ละ 25 กิโลกรัม

เมื่อผ่านไปครบ 70 วัน หรือก่อนข้าวตั้งท้อง ให้ใส่ปุ๋ยสูตรยูเรีย อีกไร่ละ 5 กิโลกรัม แต่จะไม่มีการใช้สารเคมีใดๆ และจะต้องควบคุมน้ำให้อยู่ในระดับ 5-10 เซนติเมตร ตลอดการเพาะปลูก

สำหรับศัตรูที่จะมารบกวนแปลงข้าว จะมีเฉพาะนกกับหนูเท่านั้น ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมได้โดยวิธีการแบบธรรมชาติ ส่วนการเก็บเกี่ยวข้าว เดิมจะนิยมการใช้เคียว แต่เนื่องจากค่อนข้างจะเสียเวลา จึงหันมาประยุกต์ใช้เครื่องตัดหญ้าแทน เพียงแค่เปลี่ยนใบมีดเป็นแบบชนิดวงกลมเท่านั้น ประกอบกับขณะนี้เกษตรกรแทบทุกบ้านมีเครื่องมือชนิดใช้อยู่แล้ว โดยในพื้นที่ 1 ไร่ จะใช้น้ำมันประมาณ 2 ลิตร หรือประมาณ 70 บาท ซึ่งถือว่าต้นทุนยังค่อนข้างถูก แถมยังทำงานได้รวดเร็วด้วย หลังจากนั้น จะทิ้งรวงข้าวตากแดดไว้ 1-2 วัน ก่อนที่จะนำไปเข้าเครื่องนวดเป็นข้าวเปลือกและเก็บไว้เพื่อรอสีเป็นข้าวสารต่อไป

นายสรวง พรหมบุญทอง เจ้าพนักงานการเกษตรชำนาญงาน กล่าวว่า โครงการปลูกข้าวเฉลิมพระเกียรติฯ ที่ศูนย์ดำเนินการนั้น มีต้นทุนค่อนข้างต่ำ ทั้งค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ย ค่าเตรียมดิน ค่าหว่าน และค่าเก็บเกี่ยว ประมาณไร่ละ 3,000 บาท แต่ผลิตข้าวออกมาได้เป็นจำนวนมาก แถมยังใช้เวลาแค่ 3 เดือน ส่วนเครื่องจักรจะใช้เฉพาะขั้นตอนเตรียมดินเท่านั้น ส่วนที่เหลือเกษตรกรสามารถดำเนินการได้เอง และมีแรงงานเพียงแค่ 1-2 คน ในพื้นที่ 1-2 ไร่ สามารถปลูกข้าวไว้กินในครอบครัวได้อย่างสบาย และไม่จำเป็นจะต้องไปหาพื้นที่กว้างใหญ่ให้ยุ่งยาก เกษตรกรรายใดที่สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ ที่หมายเลข (081) 893-7492