ตรัง - ชาวตรังจำนวนมากหลายร้อยคน แห่ไปดูเรือโบราณอายุ 200 ปี ซึ่งเพิ่งจะมีการขุดค้นพบเมื่อคืนวันเกิดจันทรุปราคาเต็มดวงที่ผ่านมา เตรียมประสานกรมศิลปากรมาร่วมตรวจสอบแล้ว
วันนี้ (12 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดตรัง ได้รับแจ้งจากชาวบ้าน ว่า มีการขุดพบซากเรือโบราณ ที่บริเวณคลองลำพิกุล หมู่ที่ 7 บ้านทอนพลา ต.โพรงจระเข้ อ.ย่านตาขาว หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบ โดยเมื่อไปถึงต้องเดินเท้าจากริมถนนในหมู่บ้านเข้าไปที่คลองลำพิกุล ระยะทางประมาณ 100 เมตร ตลอดทางมีชาวบ้าน รวมทั้งเซียนหวยทั้งในพื้นที่และใกล้เคียง จำนวนหลายร้อยคนที่ทราบข่าวดังกล่าวต่างพากันแห่มาดูซากเรือโบราณกันอย่างคึกคักไม่ขาดสาย เพื่อนำมาตีเป็นเลขเด็ด เพราะใกล้จะถึงวันหวยออกงวดวันที่ 16 ธันวาคมนี้แล้ว ส่งผลให้บริเวณดังกล่าวคลาคล่ำไปด้วยผู้คนจำนวนมาก
ทั้งนี้ ซากเรือโบราณดังกล่าวมีความยาว 13 เมตร อายุประมาณ 200 ปี ซึ่งสร้างด้วยไม้ตะเคียนทอง มีลักษณะเป็นเรือขุด และยังมีสภาพสมบูรณ์ โดยล้มตะแคงอยู่ในคลอง แต่ส่วนหัวของลำเรือโผล่ขึ้นมาเหนือลำน้ำ ขณะที่ส่วนที่เหลือของลำเรือฝังอยู่ในโพรงดินที่เป็นตลิ่ง
จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า มีการขุดพบเรือลำดังกล่าวเมื่อคืนวันที่ 9 ธันวาคม 2554 ซึ่งเป็นคืนที่เกิดจันทรุปราคาเต็มดวงพอดี อย่างไรก็ตาม ระหว่างที่ผู้สื่อข่าวและชาวบ้านกำลังบันทึกภาพอยู่นั้น ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น เมื่อจู่ๆ กล้องบันทึกภาพมีปัญหาใช้การไม่ได้อย่างกะทันหัน จนชาวบ้านต้องนำหมากพลู ธูปเทียน มาจุดขอขมา สุดท้ายก็ผ่านพ้นไปด้วยดี
นายบุญฤทธิ์ สุวรรณสิงห์ อายุ 55 ปี ชาวตำบลโพรงจระเข้คนหนึ่ง กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ลูกชายของตนได้ฝันว่า มีชายคนหนึ่งเดินทางมาหาที่บ้าน และบอกให้ไปขุดเอาของที่ริมคลองลำกุล ตรงบริเวณที่มีขอนไม้หลุมพอขนาดใหญ่ล้มอยู่ แต่จะต้องทำในคืนวันราหูอมจันทร์เท่านั้น ซึ่งต่อมาเมื่อถึงคืนที่เกิดจันทรุปราคาเต็มดวง ตนจึงได้ชักชวนเพื่อนบ้านอีก 3-4 คน มาช่วยกันขุด และขุดพบเรือดังกล่าว
นอกจากนั้น ก่อนหน้านี้ ชาวบ้านที่หาปลาในคลองลำพิกุล ยังเคยพบเครื่องใช้โบราณ เช่น ไหสี่หู และฝานไถนาโบราณ อีกด้วย ทั้งนี้ ชาวบ้านจะมีการนิมนต์พระสงฆ์มาทำการขุดเรือเพื่อความเป็นสิริมงคล และนำไปเก็บไว้ที่วัดต่อไป
นายคิด จ่าวิสูตร นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) โพรงจระเข้ กล่าวว่า หลังทราบเรื่อง ตนพร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และสมาชิกสภา อบต.พื้นที่ ได้นำเจ้าหน้าที่ลงไปดูเรือโบราณลำดังกล่าวแล้ว และขอร้องไม่ให้มีการเข้าไปทำอะไรลำเรือ เพื่อจะได้ไม่เกิดความเสียหาย
โดยเบื้องต้นจะประสานเจ้าหน้าที่กรมศิลปากรมาให้เข้ามาช่วยตรวจสอบ เพื่อจะได้รายละเอียดหรือข้อมูลที่ชัดเจนมากขึ้น ส่วนจะเก็บเรือไว้ที่ไหน อย่างไร คงต้องหารือร่วมกับทุกฝ่ายอีกครั้ง
