ชุมพร - กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ หมกเม็ด จัดรับฟังความคิดเห็นโครงการพัฒนาปิโตรเลียมในพื้นที่ผลิตบัวหลวง แปลงสำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทย แจ้งเฉพาะสื่อกรมประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข่าวแจกเพื่อนำเสนอแนวทางเดียวกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมเกาะพิทักษ์ ศาลากลางจังหวัดชุมพร นายพินิจ เจริญพานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 เพื่อรวบรวมเป็นร่างข้อเสนอโครงการและขอบเขตการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาปิโตรเลียมในพื้นที่ผลิตบัวหลวง แปลงสำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทย ในอ่าวชุมพร
โดยมีเจ้าหน้าที่กรมพลังงานเชื้อเพลิง และผู้บริหาร บริษัท ซาลามานเดอร์ เอนเนอร์ยี่ (บัวหลวง) ลิมิเต็ด โดยมี ดร.สัณหภรณ์ เรือนเงิน เป็นผู้ดำเนินงานกิจกรรมการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง สมาคมประมง หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว องค์กรเอกชน สื่อมวลชน ผู้นำชุมชน
ทั้งนี้ บริษัท ซาลามานเดอร์ เอนเนอร์ยี่ (บัวหลวง) ลิมิเต็ด เป็นผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมในฝั่งอ่าวไทย มีการเปิดให้สัมปทานแล้ว 20 รอบ มี 63 สัมปทาน 84 แปลง สำรวจ ผลิตไปแล้ว 21 หลุม กำลังสำรวจ 20 หลุม มีดุลยภาพปิโตรเลียม ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2554 สามารถผลิตได้ 804,800 บาร์เรลต่อวัน
ในส่วนของพื้นที่ผลิตแปลงบัวหลวง ที่มีการทำประชาพิจารณ์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 375 ตารางกิโลเมตร ห่างจาก ต.ปากน้ำ อ.เมืองชุมพร 110 กิโลเมตร และห่างจากเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ 65 กิโลเมตร จะมีการติดตั้งแท่นหลุมผลิต BLWPB คาดว่าจะเริ่มดำเนินการประมาณเดือนสิงหาคม 2555 เริ่มเจาะหลุมผลิตได้ในเดือนกันยายน 2555 และจะสิ้นสุดการเจาะในเดือนพฤษภาคม 2556 จะผลิตปิโตรเลียมไปจนหมดอายุของพื้นที่ผลิตบัวหลวง ประมาณปี 2563 การจัดกิจกรรมรับฟังคิดเห็น มีการให้ความคิดเห็นและแนวทาง ส่วนมากจะเน้นไปในแนวของการรักษาและอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลรวมทั้งชายฝั่งที่อาจได้รับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรได้เน้นย้ำให้บริษัทสัมปทานนั้นรับผิดชอบในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นโดยระบุให้แน่ชัดในการรับผิดชอบ รวมทั้งคืนสิ่งดีๆ ให้แก่สังคมตลอดเวลา การสำรวจและวิเคราะห์ผลกระทบ ไม่ใช่แค่ปีละครั้ง แต่ต้องตลอดเวลา ซึ่งคำตอบต่างๆ โดยทางบริษัทนำมาตอบให้รับทราบในการจัดในครั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 1 ในครั้งนี้นั้นผู้เข้าร่วมประชุม ส่วนใหญ่ทางบริษัทผู้สัมปทาน และกรมพลังงานเชื้อเพลิงจะเชิญเฉพาะหน่วยงานรัฐ ผู้นำชุมชนและภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับภาครัฐ ส่วนองค์กรที่เป็นภาคประชาชนจริงๆ ไม่ได้รับแจ้งเข้าร่วมประชุมด้วยแต่อย่างใด
นอกจากนั้น โดยเฉพาะสื่อมวลชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวจะแจ้งเฉพาะสำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.ชุมพรเท่านั้น เพื่อให้ทำข่าวแจกจ่ายไปยังสื่อมวลชนสังกัดต่างๆในพื้นที่ เพื่อให้การนำเสนอข่าวได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่โปร่งใสของการทำประชาพิจารณ์ดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ห้องประชุมเกาะพิทักษ์ ศาลากลางจังหวัดชุมพร นายพินิจ เจริญพานิช ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร เป็นประธานการประชุมรับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 เพื่อรวบรวมเป็นร่างข้อเสนอโครงการและขอบเขตการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม โครงการพัฒนาปิโตรเลียมในพื้นที่ผลิตบัวหลวง แปลงสำรวจปิโตรเลียมในอ่าวไทย ในอ่าวชุมพร
โดยมีเจ้าหน้าที่กรมพลังงานเชื้อเพลิง และผู้บริหาร บริษัท ซาลามานเดอร์ เอนเนอร์ยี่ (บัวหลวง) ลิมิเต็ด โดยมี ดร.สัณหภรณ์ เรือนเงิน เป็นผู้ดำเนินงานกิจกรรมการรับฟังความคิดเห็นดังกล่าว ผู้เข้าร่วมประชุมประกอบด้วยหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง สมาคมประมง หน่วยงานด้านการท่องเที่ยว องค์กรเอกชน สื่อมวลชน ผู้นำชุมชน
ทั้งนี้ บริษัท ซาลามานเดอร์ เอนเนอร์ยี่ (บัวหลวง) ลิมิเต็ด เป็นผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมในฝั่งอ่าวไทย มีการเปิดให้สัมปทานแล้ว 20 รอบ มี 63 สัมปทาน 84 แปลง สำรวจ ผลิตไปแล้ว 21 หลุม กำลังสำรวจ 20 หลุม มีดุลยภาพปิโตรเลียม ตั้งแต่เดือนมกราคม-มีนาคม 2554 สามารถผลิตได้ 804,800 บาร์เรลต่อวัน
ในส่วนของพื้นที่ผลิตแปลงบัวหลวง ที่มีการทำประชาพิจารณ์ ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 375 ตารางกิโลเมตร ห่างจาก ต.ปากน้ำ อ.เมืองชุมพร 110 กิโลเมตร และห่างจากเกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ 65 กิโลเมตร จะมีการติดตั้งแท่นหลุมผลิต BLWPB คาดว่าจะเริ่มดำเนินการประมาณเดือนสิงหาคม 2555 เริ่มเจาะหลุมผลิตได้ในเดือนกันยายน 2555 และจะสิ้นสุดการเจาะในเดือนพฤษภาคม 2556 จะผลิตปิโตรเลียมไปจนหมดอายุของพื้นที่ผลิตบัวหลวง ประมาณปี 2563 การจัดกิจกรรมรับฟังคิดเห็น มีการให้ความคิดเห็นและแนวทาง ส่วนมากจะเน้นไปในแนวของการรักษาและอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลรวมทั้งชายฝั่งที่อาจได้รับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรได้เน้นย้ำให้บริษัทสัมปทานนั้นรับผิดชอบในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นโดยระบุให้แน่ชัดในการรับผิดชอบ รวมทั้งคืนสิ่งดีๆ ให้แก่สังคมตลอดเวลา การสำรวจและวิเคราะห์ผลกระทบ ไม่ใช่แค่ปีละครั้ง แต่ต้องตลอดเวลา ซึ่งคำตอบต่างๆ โดยทางบริษัทนำมาตอบให้รับทราบในการจัดในครั้งต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 1 ในครั้งนี้นั้นผู้เข้าร่วมประชุม ส่วนใหญ่ทางบริษัทผู้สัมปทาน และกรมพลังงานเชื้อเพลิงจะเชิญเฉพาะหน่วยงานรัฐ ผู้นำชุมชนและภาคเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับภาครัฐ ส่วนองค์กรที่เป็นภาคประชาชนจริงๆ ไม่ได้รับแจ้งเข้าร่วมประชุมด้วยแต่อย่างใด
นอกจากนั้น โดยเฉพาะสื่อมวลชน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดังกล่าวจะแจ้งเฉพาะสำนักงานประชาสัมพันธ์ จ.ชุมพรเท่านั้น เพื่อให้ทำข่าวแจกจ่ายไปยังสื่อมวลชนสังกัดต่างๆในพื้นที่ เพื่อให้การนำเสนอข่าวได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน จนถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่โปร่งใสของการทำประชาพิจารณ์ดังกล่าว
