ยะลา - รอง ผอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ชี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเพิ่มความเข้มข้นในการดูแลประชาชนในพื้นที่ ไม่เน้นเจาะจงในช่วงที่มีเทศกาลเพียงอย่างเดียว พร้อมเน้นย้ำให้มีการตรวจสอบบุคคล และยานพาหนะต้องสงสัย ที่จะลอบเข้าก่อเหตุด้วย
วันนี้ (7 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ยะลา ว่า บริเวณเซฟตี้โซน 1 ถนนระนอง (ทางเข้าย่านการค้า) ในเขตเทศนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา พล.ต.อัคร ทิพโรจน์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า พร้อมด้วย พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ หัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในย่านเซฟตี้โซน 1 ทางเข้าย่านการค้าและย่านเศรษฐกิจภายในเขตเทศบาลนครยะลา เน้นย้ำการปฏิบัติหน้าที่ให้มีความเข้มข้น ไม่เฉพาะเจาะจงในช่วงใกล้เทศกาลเพียงอย่างเดียว แต่ให้มีความเข้มในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่พี่น้องประชาชน และดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ที่รับผิดชอบทุกช่วงเวลา เพื่อสร้างความอบอุ่นใจให้แก่ประชาชน
พล.ต.อัคร ทิพโรจน์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า กล่าวว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้พยายามทำมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในช่วงที่มีเทศกาลหรือจะเป็นห้วงเวลาที่พี่น้องประชาชนมีชีวิตที่เป็นปกติสุข หากเป็นห้วงที่มีสถานการณ์เกิดขึ้นความเข้มก็จะปรากฏชัดเจน เช่น การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ตามจุดตรวจ และจุดสกัดต่างๆ จะมีกำลังจากหลายฝ่ายเข้ามาให้ความร่วมมือเพื่อช่วยสร้างความปลอดภัย เกิดความเชื่อมั่นให้พี่น้องประชาชนมีความอบอุ่นใจ และเกิดความมั่นใจต่อเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงาน
ซึ่งในขณะนี้ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า มีมาตรการใหญ่ๆ ที่คอยดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เกิดความสงบสุข ดังประการต่างๆ ต่อไปนี้ คือ
1.เข้มงวดในเรื่องมาตรการรักษาความปลอดภัย สร้างความมั่นใจให้แก่ประชาชนในพื้นที่ต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย และขอความร่วมมือให้ประชาชนคอยให้ความช่วยเหลือในการแจ้งข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อเจ้าหน้าที่
2.การทำให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์ มีการดูแลพี่น้องประชาชนที่ถูกคุกคาม ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้าไปช่วยเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมคนร้ายที่หลบซ่อนตัวในพื้นที่ รวมทั้งในหมู่บ้าน ชุมชน และในป่าเขา โดยการเข้าจับกุมจะประสนกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และ ผู้นำศาสนาไปด้วย เพื่อให้ผู้ที่หลงผิดเห็นว่าหลักฐานที่ปรากฏเป็นไปตามข้อแท้จริง การจับกุมมือระเบิด จับผู้ก่อเหตุร้ายต่างๆ จะไม่มีการใส่ร้าย หรือสร้างวัตถุพยานแปลกปลอม
3.ในเรื่องของจุดตรวจจุดสกัดต่างๆ มีเครื่องมือที่มีความทันสมัย มีระบบกล้อง CCTV ที่แสดงภาพได้อย่างชัดเจน ระบบการตรวจสอบข้อมูลทะเบียนรถ สามารถนำไปสู่การติดตามจับกุมต่อไป หากว่ามีข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือมีสิ่งผิดปกติ ทั้งนี้ หากตรวจสอบหมายเลข 13 หลัก แล้วมีประวัติข้อมูลหมาย พ.ร.ก. หรือมีข้อมูลหมายจับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา จะมีทะเบียนประวัติขึ้นมาแจ้งให้ทราบ ทำให้ควบคุมตัวได้ในทันที
โดยในลักษณะดังกล่าวนี้ทำให้คนร้ายมีความหวาดกลัวต่อการตรวจค้นของด่านตรวจ ซึ่งคนร้ายในเวลานี้มีการก่อเหตุความไม่สงบในสถานที่ที่ปลอดคน หรือเส้นทางที่ไม่ต้องผ่านด่านตรวจ และมีการก่อเหตุใกล้ๆ บ้าน อย่างเหตุการณ์ที่เยาวชนในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี นำระเบิดไปก่อเหตุในแขวงการทางยะรัง ในไปรษณีย์ยะรัง ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ อ.ยะรัง ทั้งหมด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้โดยใช้ข้อมูลพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิด นำไปสู่การทำลายแหล่งที่หลบซ่อน และแหล่งที่ผลิตวัตถุระเบิดได้อีกด้วย