สุราษฎร์ธานี - ตชด.417 สุราษฎร์ธานีจับยาไอซ์เครือข่ายเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช เกือบ 4 กิโลกรัม มูลค่า 12 ล้านบาท ตำรวจเร่งสอบขยายผล
วันนี้ (7 ธ.ค.) ที่สำนักงานกองบังคับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 417 จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายธีระยุทธ เอี่ยมตระกูล ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ถวัลย์ บุญสูง ผกก.ตชด.41 พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ภาค 8 รุดสอบปากคำนายราวี หรือชอน แก้วสม อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 52 หมู่ที่ 11 ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ จ.สุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาคดีค้ายาเสพติดที่ถูก ร.ต.อ.เชาวลิต ฆังคะรัตน์ หัวหน้าชุดปราบปรามยาเสพติด ตชด.417 พร้อมพวก จับกุมขณะนายราวีขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีดำ หมายเลขทะเบียน ศห-6613 กทม. พร้อมยาไอซ์ 3.8 กิโลกรัม มูลค่าประมาณ 12 ล้านบาทมาส่งให้เอเยนต์ค้ายาเสพติดที่บริเวณลานจอดรถห้างสรรพสินค้าแม็คโคร ถนนชนเกษม อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (6 ธ.ค.54)
จากนั้นผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีได้เปิดเผยผลการสอบปากคำในเบื้องต้น โดยผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่ารับยาไอซ์มาจากบริเวณสถานีรถไฟสุราษฎร์ธานี โดยอ้างว่าได้ค่าจ้างเป็นเงินจำนวน 15,000 บาท ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ได้เจ้าหน้าที่ได้สืบทราบว่า จะมีขบวนการค้ายาเสพติดเครือข่าย นายวุฒิ ไม่ทราบนามสกุล ผู้ต้องหาค้ายาเสพติดรายสำคัญที่ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราช (นาพรุ ) จะนำยาเสพติดจำนวนดังกล่าวมาส่งให้กับขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยที่นายวุฒิเป็นผู้ดำเนินการสั่งยาเสพติดให้
เจ้าหน้าที่ตรวจสอบประวัติของนายราวีอย่างละเอียด พบว่า เมื่อกลางปี 2547 ได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในคดีครอบครองยาบ้า 180 เม็ด ถูกศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีตัดสินจำคุก 6 ปี 4 เดือน และเพิ่งพ้นโทษมาเมื่อกลางปี 2545 และยังพบว่าเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาได้นำยาไอซ์ จำนวนกว่า 3 กิโลกรัมส่งให้เอเยนต์ที่บริเวณลานจอดรถที่ห้างบิ๊กซี สาขาสุราษฎร์ธานีมาแล้วครั้งหนึ่ง และหนีรอดการจับกุมไปได้
นอกจากนั้น นายราวียังเป็นสมาชิกเครือข่ายค้ายาเสพติดบ้านส้อง อ.เวียงสระ ที่ขบวนการดังกล่าวถูกเจ้าหน้าที่บุกเข้ากวาดล้างจับกุมผู้ร่วมขบวนได้ยาไอซ์และยาบ้าจำนวนมาก พร้อมผู้ต้องหากว่า 10 ราย พร้อมอาวุธสงครามมาก่อนหน้านี้อีกด้วย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่จะได้เร่งสอบสวนขยายผลการจับกุมผู้ร่วมขบวนการมาดำเนินคดีต่อไป