ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชาวบ้านจะนะ เครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซไทย-มาเลเซีย ยื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เพื่อทวงถามความเป็นธรรมและให้เร่งพิจารณาลงโทษ กรณีตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมของกลุ่มผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซฯ หลังเรื่องยืดเยื้อนาน 9 ปีและตำรวจผู้มีความผิดก็ได้รับตำแหน่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
วันนี้ (7 ธ.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.ที่สำนักงานตำรวจภูธรภาค 9 จังหวัดสงขลา ชาวบ้านอำเภอจะนะ เครือข่ายคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ไทย-มาเลเซีย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ได้ร่วมตัวกันเข้ายื่นหนังสือ 2 ฉบับ ถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อทวงถามความเป็นธรรมพร้อมขอให้มีการพิจารณาลงโทษทางวินัยต่อตำรวจ “กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมกลุ่มผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซฯ เมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2545”
ซึ่งชาวบ้านเป็นโจทก์ยื่นฟ้องศาล โดยศาลรับฟ้องเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสิ้น 7 นาย ประกอบด้วย พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนทร์ พล.ต.อ.สันต์ ศรุตานนท์ พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข พล.ต.ต.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ร.ต.อ.เล็ก มียัง ร.ต.ท.บัณฑูรย์ บุญเครือ และ ร.ต.ท.อธิชัย สมบูรณ์ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านมา 9 ปีแล้ว ศาลก็ยังไต่สวนไม่เสร็จ และตำรวจผู้เป็นจำเลยก็ได้รับการปูนบำเหน็จเลื่อนยศ รับตำแหน่งหน้าที่ที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2545 กลุ่มผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซฯ ได้รวมตัวกันเพื่อยื่นหนังสื่อให้คณะรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทบทวนการดำเนินโครงการท่อส่งก๊าซฯ ซึ่งจะเดินทางมาประชุมสัญจรที่โรงแรมเจบี อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันที่ 21-22 ธ.ค. 2545 โดยขณะที่กลุ่มผู้คัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซฯ ได้พักการชุมนุมเพื่อรอการเจรจาว่าเจ้าหน้าที่จะให้เคลื่อนย้ายไปรอยื่นหนังสือ ณ จุดใด และชาวบ้านบางส่วนเตรียมตัวละหมาด บางส่วนกำลังละหมาด และบางส่วนที่นับถือศาสนาพุทธกำลังรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นการชุมนุมโดยสงบนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับใช้กำลังผลักดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกไปจากที่เกิดเหตุ โดยใช้ไม้ตะบองทุบตีชาวบ้านจนได้รับบาดเจ็บ และทุบทีรถยนต์ของผู้ชุมนุมจนได้รับความเสียหายด้วย
นางสุไรด๊ะ โต๊ะหลี ตัวแทนกลุ่มคัดค้านฯ กล่าวว่า หลังจากได้มีการยื่นหนังสือเพื่อทวงถามถึงความคืบหน้ามาแล้วหลายครั้งและเรื่องยืดเยื้อมากว่า 9 ปี ขณะนี้ศาลได้รับฟ้องตำรวจทั้ง 7 คนในคดีอาญาแล้ว แต่การดำเนินการยังอยู่เพียงศาลชั้นต้นและอยู่ในระหว่างการสอบปากคำ ซึ่งตนและชาวบ้านรู้สึกว่าประชาชนไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงมายื่นหนังสือเพื่อทวงถามไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเพื่อเร่งดำเนินการอีกครั้งหนึ่ง และหลังจากยื่นหนังสือเสร็จจะพากันเดินทางไปยังศาลจังหวัดสงขลาเพื่อฟังการไต่สวนคดีที่ชาวบ้านเป็นโจทก์ฟ้องร้องด้วย
โดยในหนังสือฉบับดังกล่าวระบุว่า การที่ตำรวจผู้ประพฤติมิชอบดังกล่าวมีโอกาสรับผิดชอบหน้าที่ที่สูงขึ้นนั้น เป็นอันตรายต่อประชาชนในสังคมอย่างยิ่ง จึงขอให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และ ก.ตร. ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมายดังรายละเอียดต่อไปนี้
1. ให้สอบสวนหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกระทำอันผิดกฎหมาย ฝ่าฝืนระเบียบคำสั่ง และทำผิดวินัยอย่างร้ายแรง ของตำรวจทุกนายที่มีชื่อระบุในหนังสือร้องเรียน ฉบับลงวันที่ 28 ต.ค. 2552
2. เมื่อพิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริงได้ความเป็นที่แน่ชัดแล้ว ให้ดำเนินการลงโทษเจ้าหน้าที่ผู้กระทำผิดดังกล่าวทั้งในทางวินัยราชการและคดีความอาญา
3. ให้มีคำสั่งพักราชการหรือให้ออกจากราชการไว้ก่อนเป็นการชั่วคราวแก่ตำรวจที่มีชื่อระบุในหนังสือร้องเรียนฉบับนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้าหน้าที่ผู้ที่ตกเป็นจำเลยในฐานความผิดปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบของศาลจังหวัดสงขลา ในคดีหมายเลขดำที่ 1818/2546 คือ 1.พล.ต.ท.สัณฐาน ชยนนท์ 2.พล.ต.ต.สุรชัย สืบสุข 3.พ.ต.ท.เล็ก มียัง 4.พ.ต.ต.อธิชัย สมบูรณ์ 5.พ.ต.ต.บัณฑูรย์ บุญเครือ ให้ถือเป็นเจ้าหน้าที่กลุ่มแรกที่จะต้องเร่งพิจารณาและสั่งให้พักราชการ หรือออกจากราชการชั่วคราวดังกล่าว
4. ให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติแถลงยอมรับความผิดที่เกิดจากการสลายการชุมนุมโดยมิชอบด้วยกฎหมายของเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าวข้างต้น และเร่งดำเนินการตามที่ศาลจังหวัดสงขลาได้พิพากษาไว้
5. ให้ทบทวนคำสั่งและการกระทำที่บ่งชี้ไปในทางเอื้อประโยชน์แก่บริษัท ทรานส์ ไทย-มาเลเซีย (ประเทศไทย) จำกัด ในการไปตั้งหน่วยงานพิเศษในพื้นที่โรงแยกก๊าซฯ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนอย่างมากต่อชุมชนในบริเวณดังกล่าว
ทั้งนี้ หลังจากตัวแทนกลุ่มคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อ่านหนังสือแถลงการณ์เสร็จก็ได้มอบหนังสือ 2 ฉบับดังกล่าว ผ่าน พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 เพื่อส่งมอบให้กับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ ก.ตร.ต่อไป โดย พล.ต.ต.โกสินทร์ได้รับปากกับชาวบ้านว่าจะเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด
