xs
xsm
sm
md
lg

ศูนย์อนุรักษ์ฯที่ 5 ภูเก็ต ร่วม อบต.พรุ ผูกทุ่นในทะเลรักษา สวล.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลฯที่ 5 (ภูเก็ต ) ร่วม อบต.พรุ จ.พังงา ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะไข่จัดโครงการ “บริหารจัดการทรัพยากรทางทะเล” พร้อมวางทุ่นผูกเรือ-เก็บขยะชายหาดเพื่อร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติให้คงความสวยงาม

นายไพทูล แพนชัยภูมิ ผู้อำนวยการศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (ภูเก็ต) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า ตามที่กรมกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ได้อนุมัติให้ศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 5 (จ.ภูเก็ต) จัดโครงการบริหารจัดการทุ่นผูกเรือและทุ่นแนวเขตแหล่งทรัพยากรทางทะเลขึ้น เพื่อดำเนินการซ่อมแซมและติดตั้งทุ่นผูกเรือและทุ่นแนวเขตแหล่งทรัพยากรทางทะเล พื้นที่เกาะไข่ใน เกาะไข่นอก และเกาะไข่นุ้ย ตำบลพรุใน อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา ซึ่งจะช่วยลดปัญหาการทำลายทรัพยากรแหล่งปะการังจากการทิ้งสมอเรือ รวมทั้งเพื่อให้ทุ่นผูกเรือที่ติดตั้งไว้แล้วสามารถใช้งานได้ตามปกติ และเพียงพอกับความต้องการใช้ทุ่นผูกเรือในพื้นที่

โดยทางศูนย์อนุรักษ์ฯได้ร่วมกับองค์การบริหารส่วนตำบลพรุ ใน จ.พังงา ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะไข่ จ.พังงา ดำเนินโครงการซ่อมแซมและติดตั้งทุ่นผูกเรือและทุ่นแนวเขตแหล่งทรัพยากรทางทะเล โดยจัดให้มีกิจกรรมซ่อมแซมทุ่นผูกเรือเดิม ติดตั้งทุ่นผูกเรือใหม่ และเก็บขยะบนเกาะไข่ ไปแล้วเมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่บริเวณเกาะไข่นอก ตำบลพรุใน อำเภอเกาะยาว จังหวัดพังงา

โดยมี นายมนตรี เบ็ญอาหมาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพรุในพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่จากศูนย์อนุรักษ์ฯ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวเกาะไข่ ประชาชนทั่วไป และนักเรียนจากโรงเรียนในสังกัดตำบลพรุใน อ.เกาะยาว จ.พังงา เข้าร่วมทำกิจกรรมในวันดังกล่าว โดยการดำเนินงานนั้นมีการติดตั้งทุ่นซ่อมแซมและติดตั้งทุ่นผูกเรือ แนวเขตแหล่งปะการังและทรัพยากรทางทะเลบริเวณอ่าวเกาะไข่รวม 15 จุด และติดตั้งทุ่นบริเวณเกาะไข่น้อยเพื่อจอดเรือยอร์ท อีก 5 จุด เปลี่ยนเชือกและทุ่น 1 จุด ทำความสะอาด 9 จุด จัดเก็บขยะชายหาด โดยนักเรียนในพื้นที่เกาะยาว สามารถจัดเก็บขยะได้ปริมาณขยะ 50 กิโลกรัม

นายมนตรี เบ็ญอาหมาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลพรุใน กล่าวว่า ทาง อบต.พรุในได้มีการจัดกิจกรรมในรูปแบบดังกล่าวโดยได้ร่วมกับชุมชน มาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลามาประมาณ 7 ปี แล้ว เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเพื่อปลูกฝังให้ประชาชน เยาวชนในพื้นที่ รวมถึงนักท่องเที่ยวได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล

ขณะที่ นายดำรัส ปลูกไม้ดี ผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเล อ่าวเกาะไข่ กล่าวเช่นเดียวกันว่า การที่หน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐเอกชนร่วมกันจัดกิจกรรมนี้ขึ้นมาถือเป็นสิ่งดีเพราะนอกจากเป็นการพัฒนาเกาะไข่แล้ว ยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกให้กลุ่ม ผู้ประกอบการ ชาวบ้านทั่วไปรวมถึงนักเรียนนักศึกษา และนักท่องเที่ยวได้เห็นถึงความสำคัญของการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติทางทะเล ทั้งปะการังและทรัพยากรอื่นๆ ได้อยู่คู่เกาะไข่ เพื่อให้นักท่องเที่ยวและลูกหลานรุ่นต่อๆ ไปได้เห็นถึงความงามของธรรมชาติเหล่านี้
กำลังโหลดความคิดเห็น