นครศรีธรรมราช - พ่อสุดทนขอความช่วยเหลือจาก ตร.ตามพระสงฆ์ลูกชายที่หลบอยู่บ้านสีกาอ้างรักษาตัวถูกมนต์ดำ กลับไปอยู่วัดรักษาศีลเช่นเดิม
วันนี้ (15 พ.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น. ที่ป้อมสายตรวจเบญจมราชูทิศ ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช นายบุญรัตน์ หรือพ่อหนาน ใจสุข อายุ 64 ปี อยู่บ้านเลขที่ 37 ม.16 ต.แม่สูน อ.ฝาย จ.เชียงใหม่ ได้เดินทางเข้าขอความช่วยเหลือจาก ด.ต.ณัฐนันท์ ถาวร ผบ.หมู่ ป.สภ.เมืองนครศรีธรรมราช ปฏิบัติหน้าที่ หัวหน้าสายตรวจป้อมเบญจมราชูทิศ ดังกล่าว ให้เข้าตรวจสอบที่บ้านเลขที่ 76/2 ม.2 ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช หลังจากที่ทราบว่าพระสุบรรณ ใจสูน อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นบุตรชายได้ไปพักอาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว พร้อมกับพระสงฆ์อีก 2 รูป
หลังรับแจ้งเหตุ ตำรวจจึงประสานไปยังนายวัชรา ชุมธรรม ผู้ใหญ่บ้าน ม.2 พร้อมด้วยผู้สื่อข่าว เพื่อเข้าทำการตรวจสอบ พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านชั้นเดียว มีกำแพงล้อมรอบอย่างมิดชิด ประตูรั้วหน้าบ้านเปิด แต่ไม่พบเจ้าของบ้านแต่อย่างใด จึงสอบถามเพื่อนบ้านทราบว่าเจ้าของบ้านชื่อ นางสุภา แช่มไพโรจน์ อายุ 64 ปี ได้ออกจากบ้านไปก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้ามาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยทราบว่ามีพระสงฆ์อาศัยอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวจริง แต่เห็นบ้างเป็นบางครั้งบางคราว ส่วนมากแล้วจะอยู่แต่ในบ้าน จะออกมาก็ต่อเมื่อมาสูบบุหรี่หน้าบ้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจากที่มีการพูดคุยกับเพื่อนบ้านสักระยะหนึ่ง นางสุภาจึงเดินกลับเข้าบ้านพร้อมด้วยถุงอาหารคาวหวาน เมื่อนางสุภาเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเกิดอาการตกใจ พร้อมกล่าวเชิญชวนให้เจ้าหน้าที่และสื่อมวลชนเข้ามาในบ้านของตน เพื่อที่ได้รับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พยายามสอบถามนางสุภาว่าภายในบ้านมีพระสงฆ์อยู่หรือไม่ แต่นางสุภาพยายามบ่ายเบี่ยงไม่ตอบคำถาม พูดแต่เพียงว่าถึงเวลาที่จะแฉความเป็นจริงเกี่ยวกับเรื่องการมรณภาพของพระแก้ว เจ้าอาวาสวัดเขาปูน อ.พรหมคีรี จ.นครศรีธรรมราช แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องการทราบว่ามีพระสงฆ์อยู่ในบ้านหรือไม่ นางสุภาเห็นท่าไม่ดีจึงโทรศัพท์พูดคุยกับพระสงฆ์ที่อยู่ภายใน หลังจากนั้นปรากฏว่าพระทั้ง 3 รูปที่อยู่ภายในบ้านจึงยอมออกมา
จากนั้นมีการพุดคุยกันอยู่ครู่ใหญ่ โดยเนื้อหาวนเวียนอยู่ในความเชื่อทางไสยศาสตร์และมาอยู่ที่บ้านหลังนั้นเพื่อต้องการรักษาตัว แต่ในที่สุดทางบิดาของพระได้เจรจาว่ามันไม่เหมาะสม ขอให้ไปอยู่วัด และหากต้องการอยู่ที่นี่ก็ขอให้ลาสิกขาเสีย
ในที่สุดตำรวจพร้อมด้วยบิดาของพระสงฆ์จึงนำตัวพระดังกล่าวไปจำวัดที่วัดหญ้า ม.2 ต.นาทราย อ.เมือง โดยให้อยู่ในความดูแลพระสมุหบรรจบ นาคะวโร เจ้าอาวาสวัดหญ้า พร้อมทั้งกำชับว่าหากพระดังกล่าวอยู่ภายในวัดก็จะต้องปฏิบัติตามกฎของสงฆ์ ต้องไม่ยุ่งเกี่ยวกับสีกาและเรื่องไสยศาสตร์ และหากไม่เชื่อก็คงต้องย้ายไปจำที่วัดอื่นต่อไป