ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - หัวหน้าสำนักงาน สกย.เขต 1 ชี้ ราคายางตกเนื่องจากอุตสาหกรรมยานยนต์หลายแห่งทั่วโลกประสบปัญหาจึงชะลอการผลิต ทำให้ชะลอการซื้อยางจากไทยด้วย แนะรัฐบาลต่ออายุโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูป คงยางอยู่ในสต๊อกให้ได้ 200,000 ตัน เพื่อรักษาเสถียรภาพราคายาง
วันนี้ (14 พ.ย.) นายสุนันท์ นวลพรมสกุล หัวหน้าสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางอำเภอสะเดา (สกย.) สำนักงาน สกย.เขต 1 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า สถานการณ์ยางขณะนี้ราคาได้ขยับลงมาก โดยราคาตลาดกลางยางหาดใหญ่เหลือ 77.50 บาทต่อกิโลกรัม เหลือมาเท่ากับราคาต้นทุนการผลิต โดยราคาต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 77 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ตลาดท้องถิ่นรับซื้ออยู่ที่ 75 บาท เท่ากับชาวสวนยางขาดทุน 2 บาท
นายสุนันท์ กล่าวว่า ในขณะนี้แนวโน้มสถานการณ์ยางราคาจะเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และหลังจากนี้ต้องดูสถานการณ์อีกครั้งว่าจะเป็นเช่นไร โดยปัจจัยที่ทำให้ราคายางได้วูบลงขนาดหนัก เนื่องจากปัจจัยทางอุตสาหกรรมยานยนต์หลายแห่งทั่วโลก อาทิ จีน ยุโรป อิตาลี และประเทศกรีซ ประสบปัญหา จึงมีการชะลอการผลิต ตลอดไปจนถึงล้อรถยนต์ อะไหล่รถยนต์ ตลอดจนถึงคอมพิวเตอร์ เป็นต้น จึงส่งผลกระทบไปหมด โดยประเทศจีน เป็นเจ้าตลาดรายใหญ่ของไทย จึงชะลอการซื้อยางจากไทย
“เรื่องราคายางเป็นกลไกการตลาด รัฐบาลสามารถสนับสนุนช่วยเหลือได้ระดับหนึ่ง คือการต่ออายุโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่ม มีงบประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ได้หมดอายุไปแล้ว รัฐบาลต้องเอานโยบายนี้มาใช้อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ยางอยู่ในสต็อกเกษตรกรได้ถึง 200,000 ตัน แล้วจะช่วยสนับสนุนให้ยางมีราคาที่เสถียรภาพมากขึ้น” นายสุนันท์ กล่าว
นายสุนันท์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การที่บรรดาผู้ค้ายาง ตลอดจนถึงสหกรณ์ต่างๆ ประสบภาวะขาดทุนในขณะนี้ เนื่องจากระยะเวลา เพราะต้องซื้อน้ำยางสดในราคา 78 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อทำการแปรรูป แต่เมื่อนำมาแปรรูปเป็นยางแผ่นดิบต้องใช้ระยะเวลา 7 วัน ซึ่งในขณะนั้นราคายางแผ่นดิบได้ลดลงมาอยู่ที่ 71 บาทต่อกิโลกรัม จึงมีการขาดทุนไป 6 บาทต่อกิโลกรัม หากขาขึ้นก็จะมีกำไรที่ดี แต่ในช่วงขาลงก็ประสบกับภาวะขาดทุน แต่ถ้าหากซื้อมาขายไปก็ไม่มีปัญหา ซึ่งเป็นกลไกของการตลาด
วันนี้ (14 พ.ย.) นายสุนันท์ นวลพรมสกุล หัวหน้าสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางอำเภอสะเดา (สกย.) สำนักงาน สกย.เขต 1 จังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า สถานการณ์ยางขณะนี้ราคาได้ขยับลงมาก โดยราคาตลาดกลางยางหาดใหญ่เหลือ 77.50 บาทต่อกิโลกรัม เหลือมาเท่ากับราคาต้นทุนการผลิต โดยราคาต้นทุนการผลิตอยู่ที่ 77 บาทต่อกิโลกรัม ในขณะที่ตลาดท้องถิ่นรับซื้ออยู่ที่ 75 บาท เท่ากับชาวสวนยางขาดทุน 2 บาท
นายสุนันท์ กล่าวว่า ในขณะนี้แนวโน้มสถานการณ์ยางราคาจะเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ไปจนถึงสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ และหลังจากนี้ต้องดูสถานการณ์อีกครั้งว่าจะเป็นเช่นไร โดยปัจจัยที่ทำให้ราคายางได้วูบลงขนาดหนัก เนื่องจากปัจจัยทางอุตสาหกรรมยานยนต์หลายแห่งทั่วโลก อาทิ จีน ยุโรป อิตาลี และประเทศกรีซ ประสบปัญหา จึงมีการชะลอการผลิต ตลอดไปจนถึงล้อรถยนต์ อะไหล่รถยนต์ ตลอดจนถึงคอมพิวเตอร์ เป็นต้น จึงส่งผลกระทบไปหมด โดยประเทศจีน เป็นเจ้าตลาดรายใหญ่ของไทย จึงชะลอการซื้อยางจากไทย
“เรื่องราคายางเป็นกลไกการตลาด รัฐบาลสามารถสนับสนุนช่วยเหลือได้ระดับหนึ่ง คือการต่ออายุโครงการสนับสนุนสถาบันเกษตรกรแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่าเพิ่ม มีงบประมาณ 8,000 ล้านบาท ซึ่งตอนนี้ได้หมดอายุไปแล้ว รัฐบาลต้องเอานโยบายนี้มาใช้อีกครั้ง ซึ่งจะทำให้ยางอยู่ในสต็อกเกษตรกรได้ถึง 200,000 ตัน แล้วจะช่วยสนับสนุนให้ยางมีราคาที่เสถียรภาพมากขึ้น” นายสุนันท์ กล่าว
นายสุนันท์ ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การที่บรรดาผู้ค้ายาง ตลอดจนถึงสหกรณ์ต่างๆ ประสบภาวะขาดทุนในขณะนี้ เนื่องจากระยะเวลา เพราะต้องซื้อน้ำยางสดในราคา 78 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อทำการแปรรูป แต่เมื่อนำมาแปรรูปเป็นยางแผ่นดิบต้องใช้ระยะเวลา 7 วัน ซึ่งในขณะนั้นราคายางแผ่นดิบได้ลดลงมาอยู่ที่ 71 บาทต่อกิโลกรัม จึงมีการขาดทุนไป 6 บาทต่อกิโลกรัม หากขาขึ้นก็จะมีกำไรที่ดี แต่ในช่วงขาลงก็ประสบกับภาวะขาดทุน แต่ถ้าหากซื้อมาขายไปก็ไม่มีปัญหา ซึ่งเป็นกลไกของการตลาด