ตรัง - เกษตรกรชาวสวนยางพาราในจังหวัดตรังสุดทนลุกฮือ หลังราคาร่วงอย่างหนักจนเหลือแค่กิโลกรัมละ 60-70 บาท ยื่นหนังสือผ่านผู้ว่าฯ พร้อมข้อเรียกร้อง 7 ข้อ ให้รัฐบาลแก้ไขโดยด่วน
วันนี้ (13 พ.ย.) นายไมตรี อินทุสุตผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง ได้รับหนังสือเรื่อง ขอให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ จาก 26 ตัวผู้แทนสถาบันเกษตรกร และผู้ผลิตยางพาราในจังหวัดตรัง เนื่องจากราคายางพาราในช่วงกลาง-ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา มีราคาตกต่ำและผันผวนอย่างรวดเร็ว จนกระทบต่อเกษตรกรชาวสวนยางพาราของจังหวัดตรังเป็นอย่างมาก เพราะบางพื้นที่มีราคาตกต่ำลงไปถึงกิโลกรัมละ 60-70 บาท ทั้งที่เมื่อ 1-2 เดือนที่ผ่านมา เคยได้ราคาสูงกว่ากิโลกรัมละ 100 บาท
สำหรับหนังสือฉบับดังกล่าวมีข้อเรียกร้อง จำนวน 7 ข้อ ได้แก่ 1.ขอสนับสนุนสินเชื่อปลอดดอกเบี้ย เพื่อเก็บยางพาราไว้ก่อน และชะลอเวลาการขาย โดยกำหนดราคาขั้นต่ำที่ยางพาราแผ่นดิบคุณภาพชั้น 3 ราคากิโลกรัมละ 120 บาท 2.ขอสินเชื่อปลอดดอกเบี้ย เพื่อแปรรูปยางพาราอัดก้อน เพิ่มมูลค่ายางพารา และชะลอเวลาการขาย โดยกำหนดราคาที่ยางพาราแผ่นรมควันคุณภาพชั้น 3 ราคากิโลกรัมละ 130 บาท
3.ขอให้รัฐบาลดำเนินนโยบายขายรับจำนำทุกกิโลกรัม จนกว่าราคาเข้าสู่สภาพปกติ พร้อมกำหนดราคาขั้นต่ำที่ยางพาราแผ่นดิบคุณภาพ ชั้น 3 ราคากิโลกรัมละ 110 บาท
4.ในกรณียางยางพาราคุณภาพชั้นอย่างอื่น และยางพาราชนิดอื่นๆ นั้น ให้เฉลี่ยกระจายราคา เพิ่มลดตามคุณภาพยางชนิดนั้นๆ
5.ขอให้รัฐบาลดำเนินนโยบายรับจำนำยางพาราทุกกิโลกรัม ตามบัญชีสินค้าคงเหลือของสถาบันเกษตรกรเป็นอันดับแรก 6.ขอให้กำหนดเวลาแก้ไขปัญหาราคายางตกต่ำให้กำหนดเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด 7.การกำหนดหลักเกณฑ์ เงื่อนไข ตลอดจนกลไกการบริหาร และปฏิบัติการของรัฐบาล จะต้องทำประชาพิจารณ์แบบรายภาค ไม่น้อยกว่าภาคละ 1 ครั้ง
นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง กล่าวว่า หลังรับหนังสือปัญหาความเดือดร้อนแล้ว ตนได้เรียกประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทันที เช่น สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางจังหวัดตรัง สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดตรัง สำนักงานเกษตรจังหวัดตรัง สำนักงานจังหวัดตรัง และที่ทำการปกครองจังหวัดตรัง เพื่อหารือเป็นประเด็นปัญหาเร่งด่วน รวมทั้งเป็นวาระเร่งด่วนของทางจังหวัดตรัง ที่จะต้องดำเนินการแก้ไขปัญหา
อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นได้มีการสรุปประเด็นปัญหาและข้อเสนอแนะเพิ่มเติม ต่อตัวผู้แทนสถาบันเกษตรกร และผู้ผลิตยางพาราในจังหวัดตรัง จำนวน 3 ข้อ ได้แก่ ในระยะสั้น ทางจังหวัดจะติดต่อบริษัทแปรรูปยางพารา ให้รับซื้อยางพาราก้อนในถ้วย (Cup lump) ในราคากิโลกรัมละ 80 บาท ซึ่งมีบริษัทที่ยืนยันว่าสามารถกระทำได้ในช่วงระยะเวลานี้ 2.รณรงค์ให้เกษตรกรทำยางพาราชนิดแผ่น เพื่อชะลอการจำหน่ายยางพาราแผ่นดิบไว้ระยะหนึ่ง 3.รัฐควรกำหนดราคาขึ้น-ลง ประจำวันของตลาดกลาง ไม่ควรต่างกัน หรือบวก-ลบ ไม่เกิน 5 บาทต่อวัน เพื่อมิให้เกิดความผันผวน และมีความเสถียรของราคายางพารา
