นราธิวาส - ผู้บัญชาการทหารบกลงพื้นที่เยี่ยมเหยื่อคาร์บอมบ์ อ.สุไหงโก-ลก พร้อมยอมรับปัญหาความไม่สงบเกิดจากเงื่อนปัญหาหลายมิติ ดังนั้น ทุกภาคส่วนต้องมีส่วนร่วมในการทำให้ประวัติศาสตร์ของพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาสงบสุขดังเดิม พร้อมสนับสนุนเครือข่ายภาคประชาชนหนุนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (27 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ,พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้และคณะเดินทางเข้าเยี่ยมพร้อมมอบกระเช้าและเงินบำรุงขวัญแก่ ร.อ.ธีรพงศ์ สุวรรณเวช ผู้บังคับร้อย ร.1922 วัดขวัญประชา และประชาชนที่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จำนวน 11 ราย ซึ่งแยกเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นายประชาชนในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก 5 ราย และเป็นชาวมาเลเซีย 3 รายที่ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมส์และจักรยานยนต์บอมบ์ 3 จุดเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า หลังจากได้มีการประชุมร่วมกันของทุกฝ่ายก็ทำให้เข้าใจถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีการบูรณาการการทำงานในระดับพื้นที่อย่างเป็นเอกภาพมากขึ้น เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความรุนแรงและแม้เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้หนักใจเนื่องจากการปฎิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีพัฒนาการที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังห่วงว่า มาตรการการรักษาความปลอดภัยจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถใช้ความรุนแรงเข้ามาแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบที่เต็มไปด้วยเงื่อนปัญหาในหลายมิติ ทั้งปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบ ความเข้าใจกันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ เชื้อชาติ ศาสนา และชาติพันธุ์ รวมถึงภัยแทรกซ้อนเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดการค้าน้ำมันเถื่อน และสิ่งผิดกฎหมายที่กระทบต่อความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่
ทั้งที่ฝ่ายของรัฐพยายามปฏิบัติการเชิงรุก เชิงรับ และการพัฒนาซึ่งแตกต่างจากฝ่ายตรงข้ามที่มุ่งเน้นก่อเหตุรุนแรงเพียงอย่างเดียว ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องยอมรับและไม่ขอปฎิเสธความรับผิดชอบแต่ประชาชนในพื้นที่ต้องมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เพื่อให้มาตรการการรักษาความปลอดภัยสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นย้ำทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กลุ่มการเมือง กลุ่มศาสนาและกลุ่มนักวิชาการ ต้องช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อทำให้ประวัติศาสตร์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
ขณะที่ประชาชนต้องยอมรับการแก้ปัญหาเชิงรุกในการป้องกัน และปราบปรามการแก้ปัญหายาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดในพื้นที่เพราะหากมองเพียงว่าจะเกิดผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ก็จะไม่หมดไป เพราะความไม่สงบที่เกิดขึ้นจะเป็นโอกาสที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ฉวยโอกาสในการทำธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ได้มากขึ้น และยืนยันหากปล่อยไว้ก็จะส่งผลกระทบต่อบุตรหลานของประชาชนในพื้นที่และสถานการณ์ความไม่สงบก็ไม่หมดไปจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางไปยังโรงเรียนสุไหงโก-ลก เพื่อพบปะกับเครือข่ายภาคประชาชนกลุ่มพายุและกลุ่มหมากแดงที่เป็นกำลังภาคประชาชนในการสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัยร่วมกับหน่วยงานฝ่ายมั่นคง โดยมี นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับปากที่จะให้การสนับสนุนในข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการติดตั้งกล้องวงจรปิดและเสื้อเกราะที่มีการเรียกร้องจากภาคประชาชนส่วนเรื่องเครื่องตัดสัญญาณขอไปตรวจสอบรายละเอียดของกฎหมายก่อน ว่า จะมีช่องทางในการดำเนินการได้หรือไม่ นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบเงินสนับสนุนการทำงานของเครือข่ายภาคประชาชนของ อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 2 แสนบาท ผ่านทางนายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ด้วย
เมื่อเวลา 14.00 น.วันนี้ (27 ก.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมด้วย พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ,พล.ต.ท.ไพฑูรย์ ชูชัยยะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฎิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้และคณะเดินทางเข้าเยี่ยมพร้อมมอบกระเช้าและเงินบำรุงขวัญแก่ ร.อ.ธีรพงศ์ สุวรรณเวช ผู้บังคับร้อย ร.1922 วัดขวัญประชา และประชาชนที่ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสุไหงโก-ลก จำนวน 11 ราย ซึ่งแยกเป็นเจ้าหน้าที่ทหาร 3 นายประชาชนในพื้นที่ อ.สุไหงโก-ลก 5 ราย และเป็นชาวมาเลเซีย 3 รายที่ได้รับบาดเจ็บ จากเหตุคนร้ายลอบวางระเบิดคาร์บอมส์และจักรยานยนต์บอมบ์ 3 จุดเมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า หลังจากได้มีการประชุมร่วมกันของทุกฝ่ายก็ทำให้เข้าใจถึงสภาพปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมีการบูรณาการการทำงานในระดับพื้นที่อย่างเป็นเอกภาพมากขึ้น เพื่อจำกัดการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ก่อความรุนแรงและแม้เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงเกิดขึ้นแต่ก็ไม่ได้หนักใจเนื่องจากการปฎิบัติการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายมีพัฒนาการที่เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังห่วงว่า มาตรการการรักษาความปลอดภัยจนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถทำได้เต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของรัฐไม่สามารถใช้ความรุนแรงเข้ามาแก้ปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบที่เต็มไปด้วยเงื่อนปัญหาในหลายมิติ ทั้งปัญหาสถานการณ์ความไม่สงบ ความเข้าใจกันระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ เชื้อชาติ ศาสนา และชาติพันธุ์ รวมถึงภัยแทรกซ้อนเกี่ยวกับปัญหายาเสพติดการค้าน้ำมันเถื่อน และสิ่งผิดกฎหมายที่กระทบต่อความมั่นคงและปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่
ทั้งที่ฝ่ายของรัฐพยายามปฏิบัติการเชิงรุก เชิงรับ และการพัฒนาซึ่งแตกต่างจากฝ่ายตรงข้ามที่มุ่งเน้นก่อเหตุรุนแรงเพียงอย่างเดียว ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องยอมรับและไม่ขอปฎิเสธความรับผิดชอบแต่ประชาชนในพื้นที่ต้องมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย เพื่อให้มาตรการการรักษาความปลอดภัยสามารถดำเนินการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเน้นย้ำทุกภาคส่วน ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง กลุ่มการเมือง กลุ่มศาสนาและกลุ่มนักวิชาการ ต้องช่วยกันแก้ปัญหาเพื่อทำให้ประวัติศาสตร์ของจังหวัดชายแดนภาคใต้กลับมาสงบสุขอีกครั้ง
ขณะที่ประชาชนต้องยอมรับการแก้ปัญหาเชิงรุกในการป้องกัน และปราบปรามการแก้ปัญหายาเสพติด และสิ่งผิดกฎหมายทุกชนิดในพื้นที่เพราะหากมองเพียงว่าจะเกิดผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่เหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ก็จะไม่หมดไป เพราะความไม่สงบที่เกิดขึ้นจะเป็นโอกาสที่กลุ่มบุคคลเหล่านี้ฉวยโอกาสในการทำธุรกิจผิดกฎหมายในพื้นที่ได้มากขึ้น และยืนยันหากปล่อยไว้ก็จะส่งผลกระทบต่อบุตรหลานของประชาชนในพื้นที่และสถานการณ์ความไม่สงบก็ไม่หมดไปจากพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เดินทางไปยังโรงเรียนสุไหงโก-ลก เพื่อพบปะกับเครือข่ายภาคประชาชนกลุ่มพายุและกลุ่มหมากแดงที่เป็นกำลังภาคประชาชนในการสนับสนุนการปฏิบัติงานด้านการรักษาความปลอดภัยร่วมกับหน่วยงานฝ่ายมั่นคง โดยมี นางสุชาดา พันธ์นรา นายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ให้การต้อนรับ
โอกาสนี้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา รับปากที่จะให้การสนับสนุนในข้อเรียกร้องเกี่ยวกับการติดตั้งกล้องวงจรปิดและเสื้อเกราะที่มีการเรียกร้องจากภาคประชาชนส่วนเรื่องเครื่องตัดสัญญาณขอไปตรวจสอบรายละเอียดของกฎหมายก่อน ว่า จะมีช่องทางในการดำเนินการได้หรือไม่ นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้มอบเงินสนับสนุนการทำงานของเครือข่ายภาคประชาชนของ อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 2 แสนบาท ผ่านทางนายกเทศมนตรีเมืองสุไหงโก-ลก ด้วย