xs
xsm
sm
md
lg

ร.ร.ประถมในสงขลาขานรับกิจกรรม “เรื่องเพศคุยได้” พร้อมลุยปฏิบัติจริง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คณะครูโรงเรียนหวังดี อ.เมือง จ.สงขลา ร่วมพูดคุยแสดงความคิดเห็นในกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องเพศคุยได้ ยิ่งคุย ยิ่งเข้าใจ
ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - 10 โรงเรียนประถมศึกษาในสงขลา ขานรับกิจกรรมพูดคุยเรื่องเพศเชิงบวกแก่เด็ก โดยการเข้าร่วมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “เรื่องเพศคุยได้ ยิ่งคุย ยิ่งเข้าใจ” เพื่อปรับเปลี่ยนทัศนคติและคลายความกังวลในการตอบข้อซักถามเรื่องเพศให้เหมาะสมกับเด็กในแต่ละวัย ซึ่งจะส่งผลทำให้เด็กเห็นคุณค่าและเข้าใจความแตกต่างด้านสรีระของแต่ละเพศ รวมทั้งรู้จักดูแลสุขอนามัย ป้องกันโรคและอันตรายต่างๆ ที่จะตามมาด้วย

“เรื่องเพศ” เป็นเรื่องที่ถูกปกปิดสำหรับเด็กในสังคมไทยตลอดมา โดยมักถูกมองว่าเป็นเรื่องต้องห้าม เรื่องหยาบคาย ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งน่าจะมาจากกรอบคิดที่ว่าเรื่องเพศหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์ หรือเซ็กซ์เท่านั้น แต่ความจริงแล้วเรื่องเพศยังหมายรวมถึงการดูแลสุขอนามัย การป้องกันตนเองจากการถูกล่วงละเมิด และทัศนคติต่อบทบาทหน้าที่ต่างๆ ทั้งในครอบครัว และในสังคมด้วย

กลุ่มมานีมานะ (องค์กรไม่แสวงผลกำไร) ใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เล็งเห็นความสำคัญของการพูดคุย “เรื่องเพศ” ในเชิงบวก จึงจัดกิจกรรมส่งเสริมการเรียนรู้ด้านสุขภาวะทางเพศขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบละครส่งเสริมการศึกษาแก่เด็กวัยแรกรุ่น และกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ โดยการเวิร์กชอปให้ความรู้และปรับเปลี่ยนทัศนคติเรื่องเพศแก่คณะครูจากโรงเรียนต่างๆ ใน จ.สงขลา

โดยกิจกรรมล่าสุดซึ่งดำเนินงานตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ได้แก่ การรณรงค์เรื่อง “เรื่องเพศคุยได้ ยิ่งคุย ยิ่งเข้าใจ” แก่คณะครูและนักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษา ภายใต้การสนับสนุนของแผนงานสร้างเสริมสุขภาวะทางเพศ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งกลุ่มมานีมานะเป็น 1 ใน 32 องค์กรเครือข่ายทั่วประเทศ ที่ร่วมกันรณรงค์เรื่องการพูดคุยเรื่องเพศเชิงบวก โดยแต่ละองค์กรนั้นจะกระจายตัวอยู่ตามจังหวัดต่างๆ ทั่วทุกภาค และมีรูปแบบกิจกรรมที่ใช้ รวมทั้งกลุ่มเป้าหมายในการรณรงค์แตกต่างกันออกไปด้วย

นายโตมร อภิวันทนากร ผู้อำนวยการกลุ่มมานีมานะ ซึ่งดำเนินงานเชิงกระบวนการเพื่อสร้างการเรียนรู้แก่เด็กและเยาวชนทั้งในสถานศึกษาและชุมชนต่างๆ เปิดเผยถึงสาเหตุที่เลือกทำกิจกรรมส่งเสริมการพูดคุยเรื่องเพศในเชิงบวกในโรงเรียนประถมศึกษาว่า เป็นสิ่งที่ต่อยอดจากโครงการสร้างสุขภาวะทางเพศด้วยละครการศึกษาที่ทางกลุ่มฯ ทำมาอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีคณะครูจากโรงเรียนต่างๆ ที่เข้าใจความสำคัญของการพูดคุยเรื่องเพศในเชิงบวกอยู่แล้วจำนวนหนึ่งเข้าร่วมโครงการ หากแต่กิจกรรมในครั้งนี้เป็นการรณรงค์ในวงกว้าง คือดึงครูทั้งโรงเรียนเข้าร่วม 10 โรงเรียน

ได้แก่ โรงเรียนศิริพงศ์ โรงเรียนหวังดี โรงเรียนวัดบ่อปาบ โรงเรียนวัดโลกา โรงเรียนวัดเปรมศรัทธา โรงเรียนบ้านควนเสม็ด โรงเรียนบ้านตะเคียนเภา โรงเรียนสุทธิ์รักษ์ โรงเรียนวัดท่าข้าม และโรงเรียนศรีนคริทร์วิทยานุเคราะห์

ทั้งนี้ ที่เลือกกลุ่มเป้าหมายเป็นครูและนักเรียนในโรงเรียนประถมศึกษา เนื่องจากครูเป็นบุคคลมีบทบาทต่อชีวิตของเด็กมากและยังมีส่วนช่วยปลูกฝังทัศนคติเรื่องเพศแก่เด็กด้วย ทั้งจากการตอบข้อซักถามและการอบรมให้ความรู้ในเรื่องต่างๆ โดยการเข้าร่วมกิจกรรมเชิงปฏิบัติการ “เรื่องเพศคุยได้ ยิ่งคุย ยิ่งเข้าใจ” ดังกล่าว จะช่วยเพิ่มความมั่นใจแก่ครูในการพูดคุยเรื่องเพศกับเด็กในเชิงบวก โดยใช้วิธีการพูดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน และความสนใจของเด็กที่เปลี่ยนแปลงไปตามสิ่งแวดล้อมที่เข้ามากระตุ้น ซึ่งจะทำให้เด็กเห็นความสำคัญของตัวเอง และเข้าใจความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกาย รวมทั้งมีการดูแลสุขอนามัยที่ถูกวิธี เพื่อป้องกันโรคต่างๆ ที่จะตามาด้วย

“อยากให้ครูคลายความกังวลที่จะพูดเรื่องเพศกับเด็ก และสามารถช่วยคลี่คลายความสงสัยเรื่องเพศของเด็กที่เกิดในแต่ละช่วงวัยได้ เพราะถ้าครูและพ่อแม่ไม่พูด อธิบาย หรือตอบคำถามเรื่องนี้กับเด็ก ก็จะมีสื่ออื่นมาทำหน้าที่แทนเรา และสร้างความเข้าใจความคิด ความเชื่อเรื่องเพศ ที่เป็นอันตรายแก่ตัวเด็กเอง แต่ถ้าครูและพ่อแม่คุยเรื่องเพศกับเด็กได้ และคุยอธิยายในความคิดเชิงบวก ให้เด็กเห็นคุณค่าของตนเอง และเข้าประโยชน์ของอวัยวะต่างๆ ในร่างกายทั้งของตนเองและเพศตรงข้าม เด็กก็จะมีทัศนคติเชิงบวก และส่งผลต่อสุขภาวะทางเพศเมื่อเด็กโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ด้วย” นายโตมรกล่าวในฐานะวิทยากร

สำหรับการตอบคำถามเรื่องเพศในเชิงบวกแก่เด็กนั้น นายโตมรกล่าวว่า ควรใช้ท่าทีที่เป็นธรรมชาติ ทั้งนี้ ทัศนคติของผู้พูดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะสื่ออกมาจากสีหน้าท่าทาง และแววตาด้วย โดยใช้คำพูดที่สุภาพ ซึ่งสื่อถึงความน่ารัก น่าทะนุถนอม และอธิบายให้เด็กฟังอย่างตรงไปตรงมา

เช่น อธิบายเรื่องประจำเดือนว่า “ประจำเดือนคือเยื่อบุผนังมดลูก ซึ่งเป็นอาหารและที่นอนของเด็กทารกขณะที่อยู่ในท้องของแม่ โดยเราทุกคนก็เคยเป็นเด็กทารกอาศัยอยู่ในมดลูกของแม่ทั้งนั้น ต่อมาเมื่อร่างกายเราไม่ได้ใช้ อาหาร และที่นอนของเด็กทารกนี้จึงหลุดออกมาเป็น “ประจำเดือน” และสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งในรอบเดือนถัดไป” ซึ่งคำอธิบายในลักษณะนี้จะส่งผลให้เด็กหญิงรู้สึกเชิงบวกต่อสรีระตัวเอง พร้อมทั้งใส่ใจดูแลอวัยวะของตนเองมากขึ้น ซึ่งเมื่อโตขึ้นเขาก็จะดูแลสุขอนามัยของตนอย่างดี รวมทั้งตระหนักในการเฝ้าระวังมะเร็งปากมดลูกด้วย

ด้านปฏิกิริยาตอบรับของคณะครูที่เข้าร่วมกิจกรรมนั้น ล้วนมีความเห็นไปในทางเดียวกันว่าการตอบคำถามเรื่องเพศให้เหมาะสมกับวัยของเด็กนั้นเป็นประเด็นที่น่าสนใจ และจำเป็นอย่างยิ่งกับสถานการณ์ปัจจุบันที่เด็กสามารถเข้าถึงสื่อต่างๆ ได้ง่าย โดยขาดวิจารณญาณและคำแนะนำในการชม ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และนำมาซึ่งปัญหาสังคมได้

ในประเด็นดังกล่าวนี้ คณะครูจากโรงเรียนหวังดี อ.เมือง จ.สงขลา ที่เข้าร่วมกิจกรรมเชิงปฏิบัติ “เรื่องเพศคุยได้ ยิ่งคุย ยิ่งเข้าใจ” ในวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา กว่า 30 คน ลงความเห็นว่า การพูดคุยเรื่องเพศเชิงบวก โดยเฉพาะเรื่องสรีระที่แตกต่างกันระหว่างเพศหญิงและเพศชาย ให้เด็กเข้าใจเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ทั้งที่โรงเรียนและที่บ้าน เพราะจะส่งผลต่อเนื่องทำให้เด็กเข้าใจการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายในแต่ละช่วงวัย ทำให้รู้จักดูแลสุขอนามัย รวมทั้งรู้จักวางตัวกับเพศตรงข้ามด้วย ซึ่งการเข้าร่วมกิจกรรมกับทางกลุ่มมานีมานะในครั้งนี้ทำให้รับทราบถึงแนวทางการตอบคำถาม และสร้างความมั่นใจในการพูดคุยเรื่องดังกล่าวแก่เด็กมากยิ่งขึ้น ทั้งการพูดคุยกับนักเรียนในโรงเรียนและการพูดคุบกับลูกที่บ้าน

นอกจากนี้ ในกิจกรรมดังกล่าวยังมีการแจกเอกสารคู่มือพูดคุยเรื่องเพศกับเด็ก ซึ่งสนับสนุนโดย สสส.เพื่อให้ครูได้เผยแพร่สื่อคู่มือดังกล่าวนี้ไปยังพ่อแม่ผู้ปกครอง ให้มีแนวทางในพูดคุยเรื่องเพศกับบุตรหลานของตนเองได้อย่างเหมาะสม โดยไม่รู้สึกอึดอัดหรือสร้างทัศนคติเชิงลบให้แก่เด็กด้วย

ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเข้าชมและสามารถดาวน์โหลดข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการพูดคุยเรื่องเพศในเชิงบวกให้เหมาะสมกับวัยของเด็กได้ที่ http://talkaboutsex.thaihealth.or.th




ภาพจากละครส่งเสริมการศึกษาแก่เด็กวัยแรกรุ่น เรื่อง โตไปเป็นตัวฉัน ของกลุ่มมานีมานะ ซึ่งมุ่งเน้นให้เด็กเห็นคุณค่าของตัวเอง และเข้าใจความแตกต่าง หลากหลายของคนรอบข้าง


กำลังโหลดความคิดเห็น