นราธิวาส - ตร.คาดเหตุระเบิดโก-ลก เป็นฝีมือแก๊งค้ายาจ้างกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเคป่วน ระบุแยกก่อเหตุเป็น 4 ชุด เหตุต้องการตอบโต้ จนท. หลังตรวจยึดยาเสพติดได้เป็นจำนวนมาก
กรณีเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์และจักรยานยนต์บอมบ์ จำนวน 3 จุด บนถนนเจริญซอย 3 เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อช่วงเวลา 18.40 น. ของวันที่ 16 ก.ย. 54 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากนั้น
วันนี้ (17 ก.ย.) . พ.ต.อ.จักรพร แท่นทอง ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พ.ต.ต.เนติธร วัตตธรรม รอง หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาสและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้งทั้ง 3 จุด
จุดแรกไปตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมที่บริเวณหน้าร้าน 198 คาราโอเกะ ซึ่งตั้งข้ามกับบริเวณสามแยกไปสำนักงานองค์การโทรศัพท์สาขาสุไหงโก-ลก โดยจุดนี้พบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้จุดชนวนเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ที่ประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 5 กก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ที่ลอบนำไปซุกไว้ที่บริเวณซ่องใส่หมวกกันน็อกของรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
อนุภาพระเบิดส่งผลทำให้ร้านค้า ซึ่งดัดแปลงเป็นร้านคาราโอเกะได้รับความเสียหาย จำนวน 6 คูหา รถจักรยานยนต์ของนักท่องเที่ยวถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย จำนวน 12 คัน รถยนต์เก๋งและรถยนต์กระบะได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน
ส่วนจุดที่ 2 ซึ่งอยู่บริเวณหน้าร้านค้าตรงข้ามประตูทางเข้าสมาคมแต่จิ๋ว ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 300 เมตร คนร้ายได้ประกอบระเบิดชนิดและขนาดเดียวกัน นำไปซุกไว้ที่ช่องเก็บหมวกกันน็อคของรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จุดดังกล่าวนี้สร้างความเสียหายต่อร้านค้าเพียง 3-4 คูหา เนื่องจากอนุภาพของระเบิดไม่รุนแรงมากนัก
ส่วนจุดที่ 3 ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายนั้น คนร้ายได้ประกอบระเบิดใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้งต้ม หนักประมาณ 40-50 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร นำไปใส่ไว้ที่บริเวณเบาะหลังของรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิซิ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน นำไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าร้านเซียนป่อง สี่แยกโรงแรมเมอร์ลิน จุดดังกล่าวนี้สร้างความเสียหายต่อร้านค้าเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงกระจกชั้นล่างด้านข้างของโรงแรมเมอร์ลินด้วย นอกจากนี้ ยังส่งผลทำให้สายไฟฟ้า สายสัญญาณโทรศัพท์ถูกอนุภาพของระเบิดจนขาดและใช้การไม่ได้ทั้งระบบ
จากการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ และนำมาประมวลของเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทราบในเบื้องต้นว่า คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้แยกออกเป็น 4 ชุด แต่ละชุดมีจำนวน 1-2 คน โดยชุดแรกลอบนำ รถจักรยานยนต์ที่ประกอบระเบิดแล้วเสร็จขี่มาจอดที่ทิ้งไว้บริเวณหน้าร้าน 198 คาราโอเกะ ชุดที่ 2 ขี่รถจักรยานยนต์ที่ประกอบระเบิดแล้วเสร็จมาจอดทิ้งไว้ที่บริเวณร้านค้าตรงข้ามประตูทางเข้าของสมาคมแต้จิ๋ว ส่วนชุดที่ 3 นำระเบิดที่ประกอบแล้วเสร็จใส่ไว้ในรถยนต์เก๋ง แล้วนำมาจอดทิ้งไว้ที่หน้าร้านเซียนป่อง
ส่วนคนร้ายชุดที่ 4 ซึ่งเป็นมือจุดชนวนระเบิดทั้ง 3 จุด 3 ลูก คาดว่าจะมีการแฝงตัวเข้าไปขอเปิดห้องพักโรงแรมใดโรงแรมหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมถนนจุดเกิดเหตุในบริเวณชั้นบนสุด ที่มีทัศนียภาพในการมองเห็นทั้ง 3 จุดแบบชัดเจน
คนร้ายเลือกจุดชนวนระเบิดจักรยานยนต์บอมบ์ลูกตรงกลางสุดของถนนสายดังกล่าว ที่ลอบนำรถจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งไว้ บริเวณหน้าร้านค้าตรงข้ามประตูทางเข้าของสมาคมแต้จิ๋วก่อน และเลือกจุดลูกที่ 2 ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์บอมบ์ ที่คนร้ายขี่นำมาจอดทิ้งไว้หน้าร้าน 198 คาราโอเกะ ซึ่งถือว่าเป็นลูกปิดหัวถนนของสายดังกล่าว โดยเลือกจุดชนวนขณะที่เจ้าหน้าที่เดินทางเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพื่อลอบดักสังหาร ทำให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านรวมถึงนักท่องเที่ยวบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
จากนั้น คนร้ายได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิด คาร์บอมบ์ลูกที่ 3 ที่คนร้ายได้ซุกไว้ในรถยนต์เก๋งขับมาจอดที่บริเวณหน้าร้านเซียนป่อง ซึ่งถือว่าเป็นจุดหัวถนนสายดังกล่าว และจุดชนวนขณะที่เห็นเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ส่งผลทำให้นักท่องเที่ยว ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจุดดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ก่อนที่คนร้ายที่ทำหน้าที่จุดชนวนระเบิดจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่เตรียมที่จะนำภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามเสาไฟฟ้าแต่ละจุดบนถนนสายดังกล่าว มาทำการเตรียมวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายว่าเป็นใคร รวมไปถึงการขอภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดที่บริเวณเคาน์เตอร์ของโรงแรมบนถนนสายดังกล่าว มาทำการตรวจสอบหาพฤติกรรมของคนร้ายที่คาดว่าน่าจะเป็นคนจุดชนวนระเบิดทั้ง 3 จุด มาตรวจสอบเพื่อติดตามจับกุมมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
สำหรับผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีจำนวนทั้งสิ้น 110 ราย แยกเป็นผู้เสียชีวิต 4 ราย คือ
1.นายเสกสรร โรจน์พาศิริ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยธารน้ำใจสุไหงโก-ลก 2. ด.ช.ว็องไคแซน อายุ 3 ขวบ ชาวมาเลเซีย
3. นายว็องฮองเย็พ อายุ 64 ปี ชาวมาเลเซีย
4.นายเชนยิวซัน ชาวมาเลเซีย
นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 74 ราย ซึ่งแยกนอนรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆทั้งสิ้น 40 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก 36 ราย ซึ่งในจำนวนนั้นมีทหารชุด ฉก.นราธิวาส 36 จำนวน 3 นาย คือ ส.อ.เจษฏา ผิวอ่อน ส.ท.วุฒิชัย เมืองลอย และพลทหารสถาพร รอดยา เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก 1 นายคือ ส.ต.ต.สุรัตน์ วังคะฮาต ที่เหลือเป็นชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ หลังจากแพทย์ปฐมพยาบาลแล้วเสร็จ ได้อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านพักแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาส 4 ราย นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ 1 ราย ทราบชื่อคือ ร.อ.ธีรพงษ์ สุวรรณเวศ และมีผู้บาดเจ็บที่ถูกส่งไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์ จ.ยะลาอีก 4 รายด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น แนวทางในการสืบสวนคาดว่า น่าจะเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ ที่ได้ลงขันกันว่าจ้างสมาชิกแนวร่วมของกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค แฝงตัวเข้าไปก่อเหตุ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดและยึดของกลางไปเป็นจำนวนมากก่อนหน้านี้
กรณีเหตุคนร้ายวางระเบิดคาร์บอมบ์และจักรยานยนต์บอมบ์ จำนวน 3 จุด บนถนนเจริญซอย 3 เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส เมื่อช่วงเวลา 18.40 น. ของวันที่ 16 ก.ย. 54 ที่ผ่านมา ส่งผลทำให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมากนั้น
วันนี้ (17 ก.ย.) . พ.ต.อ.จักรพร แท่นทอง ผกก.สภ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พ.ต.ต.เนติธร วัตตธรรม รอง หน.กองพิสูจน์หลักฐาน จ.นราธิวาสและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพื่อเก็บและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้งทั้ง 3 จุด
จุดแรกไปตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมที่บริเวณหน้าร้าน 198 คาราโอเกะ ซึ่งตั้งข้ามกับบริเวณสามแยกไปสำนักงานองค์การโทรศัพท์สาขาสุไหงโก-ลก โดยจุดนี้พบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้จุดชนวนเป็นระเบิดแสวงเครื่อง ที่ประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก หนัก 5 กก. จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ที่ลอบนำไปซุกไว้ที่บริเวณซ่องใส่หมวกกันน็อกของรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
อนุภาพระเบิดส่งผลทำให้ร้านค้า ซึ่งดัดแปลงเป็นร้านคาราโอเกะได้รับความเสียหาย จำนวน 6 คูหา รถจักรยานยนต์ของนักท่องเที่ยวถูกเพลิงไหม้ได้รับความเสียหาย จำนวน 12 คัน รถยนต์เก๋งและรถยนต์กระบะได้รับความเสียหาย จำนวน 2 คัน
ส่วนจุดที่ 2 ซึ่งอยู่บริเวณหน้าร้านค้าตรงข้ามประตูทางเข้าสมาคมแต่จิ๋ว ซึ่งห่างจากจุดแรกประมาณ 300 เมตร คนร้ายได้ประกอบระเบิดชนิดและขนาดเดียวกัน นำไปซุกไว้ที่ช่องเก็บหมวกกันน็อคของรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน จุดดังกล่าวนี้สร้างความเสียหายต่อร้านค้าเพียง 3-4 คูหา เนื่องจากอนุภาพของระเบิดไม่รุนแรงมากนัก
ส่วนจุดที่ 3 ซึ่งเป็นจุดสุดท้ายนั้น คนร้ายได้ประกอบระเบิดใส่ไว้ในถังแก๊สหุ้งต้ม หนักประมาณ 40-50 กก. จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร นำไปใส่ไว้ที่บริเวณเบาะหลังของรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิซิ สีแดง ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน นำไปจอดทิ้งไว้ที่บริเวณหน้าร้านเซียนป่อง สี่แยกโรงแรมเมอร์ลิน จุดดังกล่าวนี้สร้างความเสียหายต่อร้านค้าเป็นจำนวนมาก รวมไปถึงกระจกชั้นล่างด้านข้างของโรงแรมเมอร์ลินด้วย นอกจากนี้ ยังส่งผลทำให้สายไฟฟ้า สายสัญญาณโทรศัพท์ถูกอนุภาพของระเบิดจนขาดและใช้การไม่ได้ทั้งระบบ
จากการตรวจสอบหลักฐานในที่เกิดเหตุ และนำมาประมวลของเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีความมั่นคง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทราบในเบื้องต้นว่า คนร้ายที่ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้แยกออกเป็น 4 ชุด แต่ละชุดมีจำนวน 1-2 คน โดยชุดแรกลอบนำ รถจักรยานยนต์ที่ประกอบระเบิดแล้วเสร็จขี่มาจอดที่ทิ้งไว้บริเวณหน้าร้าน 198 คาราโอเกะ ชุดที่ 2 ขี่รถจักรยานยนต์ที่ประกอบระเบิดแล้วเสร็จมาจอดทิ้งไว้ที่บริเวณร้านค้าตรงข้ามประตูทางเข้าของสมาคมแต้จิ๋ว ส่วนชุดที่ 3 นำระเบิดที่ประกอบแล้วเสร็จใส่ไว้ในรถยนต์เก๋ง แล้วนำมาจอดทิ้งไว้ที่หน้าร้านเซียนป่อง
ส่วนคนร้ายชุดที่ 4 ซึ่งเป็นมือจุดชนวนระเบิดทั้ง 3 จุด 3 ลูก คาดว่าจะมีการแฝงตัวเข้าไปขอเปิดห้องพักโรงแรมใดโรงแรมหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมถนนจุดเกิดเหตุในบริเวณชั้นบนสุด ที่มีทัศนียภาพในการมองเห็นทั้ง 3 จุดแบบชัดเจน
คนร้ายเลือกจุดชนวนระเบิดจักรยานยนต์บอมบ์ลูกตรงกลางสุดของถนนสายดังกล่าว ที่ลอบนำรถจักรยานยนต์ไปจอดทิ้งไว้ บริเวณหน้าร้านค้าตรงข้ามประตูทางเข้าของสมาคมแต้จิ๋วก่อน และเลือกจุดลูกที่ 2 ซึ่งเป็นรถจักรยานยนต์บอมบ์ ที่คนร้ายขี่นำมาจอดทิ้งไว้หน้าร้าน 198 คาราโอเกะ ซึ่งถือว่าเป็นลูกปิดหัวถนนของสายดังกล่าว โดยเลือกจุดชนวนขณะที่เจ้าหน้าที่เดินทางเข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุเพื่อลอบดักสังหาร ทำให้เจ้าหน้าที่และชาวบ้านรวมถึงนักท่องเที่ยวบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก
จากนั้น คนร้ายได้ใช้วิทยุสื่อสารจุดชนวนระเบิด คาร์บอมบ์ลูกที่ 3 ที่คนร้ายได้ซุกไว้ในรถยนต์เก๋งขับมาจอดที่บริเวณหน้าร้านเซียนป่อง ซึ่งถือว่าเป็นจุดหัวถนนสายดังกล่าว และจุดชนวนขณะที่เห็นเจ้าหน้าที่เดินทางเข้าไปช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ส่งผลทำให้นักท่องเที่ยว ชาวบ้านและเจ้าหน้าที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจุดดังกล่าวเป็นจำนวนมาก ก่อนที่คนร้ายที่ทำหน้าที่จุดชนวนระเบิดจะเช็คเอาท์ออกจากโรงแรม
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่เตรียมที่จะนำภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดที่ติดไว้ตามเสาไฟฟ้าแต่ละจุดบนถนนสายดังกล่าว มาทำการเตรียมวิเคราะห์พฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายว่าเป็นใคร รวมไปถึงการขอภาพที่บันทึกได้จากกล้องวงจรปิดที่บริเวณเคาน์เตอร์ของโรงแรมบนถนนสายดังกล่าว มาทำการตรวจสอบหาพฤติกรรมของคนร้ายที่คาดว่าน่าจะเป็นคนจุดชนวนระเบิดทั้ง 3 จุด มาตรวจสอบเพื่อติดตามจับกุมมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป
สำหรับผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีจำนวนทั้งสิ้น 110 ราย แยกเป็นผู้เสียชีวิต 4 ราย คือ
1.นายเสกสรร โรจน์พาศิริ อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิกู้ภัยธารน้ำใจสุไหงโก-ลก 2. ด.ช.ว็องไคแซน อายุ 3 ขวบ ชาวมาเลเซีย
3. นายว็องฮองเย็พ อายุ 64 ปี ชาวมาเลเซีย
4.นายเชนยิวซัน ชาวมาเลเซีย
นอกจากนี้ ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 74 ราย ซึ่งแยกนอนรักษาตัวตามโรงพยาบาลต่างๆทั้งสิ้น 40 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลสุไหงโก-ลก 36 ราย ซึ่งในจำนวนนั้นมีทหารชุด ฉก.นราธิวาส 36 จำนวน 3 นาย คือ ส.อ.เจษฏา ผิวอ่อน ส.ท.วุฒิชัย เมืองลอย และพลทหารสถาพร รอดยา เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สุไหงโก-ลก 1 นายคือ ส.ต.ต.สุรัตน์ วังคะฮาต ที่เหลือเป็นชาวบ้านและนักท่องเที่ยว ทั้งนี้ หลังจากแพทย์ปฐมพยาบาลแล้วเสร็จ ได้อนุญาตให้กลับไปรักษาตัวที่บ้านพักแล้ว
นอกจากนี้ ยังมีผู้ป่วยที่นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาส 4 ราย นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ 1 ราย ทราบชื่อคือ ร.อ.ธีรพงษ์ สุวรรณเวศ และมีผู้บาดเจ็บที่ถูกส่งไปนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลศูนย์ จ.ยะลาอีก 4 รายด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเบื้องต้น แนวทางในการสืบสวนคาดว่า น่าจะเป็นฝีมือการกระทำของกลุ่มขบวนการค้ายาเสพติดในพื้นที่ ที่ได้ลงขันกันว่าจ้างสมาชิกแนวร่วมของกองกำลังติดอาวุธอาร์เคเค แฝงตัวเข้าไปก่อเหตุ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่จับกุมขบวนการค้ายาเสพติดและยึดของกลางไปเป็นจำนวนมากก่อนหน้านี้
