ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ชาวบ้านท่าฉัตรไชยรวมตัวหนุนโครงการศูนย์ประชุมฯภูเก็ต หลัง สผ.ไม่ผ่าน IEE หวั่นงบประมาณถูกโยกและเปลี่ยนไปสร้างที่อื่น ขณะที่ ส.ส.ภูเก็ต เดินเครื่องเต็มสูบดันให้เกิดให้ได้ก่อนปี 2558 รับประชาคมอาเซียน ฉะ สผ.อ้างเหตุผลเดิมๆ ขณะที่ภาคเอกชนเตียมหารือ สผ.แก้ประเด็นที่ยังกังวล ด้านเพื่อไทย ส่ง “พร้อมพงศ์” ดูพื้นที่พรุ่งนี้
วันนี้ (9 ก.ย.) ชาวบ้านหมู่ที่ 5 บ้านท่าฉัตรไชย ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ประมาณ 100 คน ได้ร่วมตัวเพื่อแสดงจุดยืนในการเรียกร้องให้รัฐบาลเดินหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมและแสดงนิทรรศการนานาชาติจังหวัดภูเก็ต ที่บริเวณที่ราชพัสดุแปลงที่ ภก.153 ซึ่งตั้งอยู่ที่บ้านท่าฉัตรไชย ต.ไม้ขาว อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ภายหลังจากสำนักงานนโยบายและแผนสิ่งแวดล้อม (สผ.) ไม่เห็นชอบรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) โดยมี นางอัญชลี วานิช เทพบุตร และ นายเรวัติ อารีรอบ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดภูเก็ตร่วมกับฟังความต้องการของชาวบ้าน
เนื่องจากชาวบ้านเกรงว่าเมื่อผลศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้นไม่ผ่านการเห็นชอบของทางสผ.แล้ว โครงการนี้จะตกไป และมีการโยกย้ายงบประมาณจำนวน 2,600 ล้านบาท ที่รัฐบาลภายใต้การนำของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไม่ดำเนินการโครงการอื่นๆในพื้นที่อื่นๆ ทั้งที่ประชาชนชาวภูเก็ตและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในภูเก็ตต้องการให้เกิดขึ้น เพราะชาวบ้านมองว่าโครงการนี้จะเป็นการพัฒนาพื้นที่บริเวณบ้านท่าฉัตรไชย ให้เจริญและชาวบ้านจะมีงานทำและมีรายได้เพิ่มขึ้นหากขึ้นอีกด้วย
นางอัญชลี วานิช เทพบุตร ส.ส.ภูเก็ต กล่าวว่า โครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ รัฐบาลที่แล้วได้อนุมัติงบประมาณ 2,600 ล้านบาท เพื่อทำการก่อสร้าง และทางกรมธนารักษ์ได้ออกแบบสมบุรณ์แล้ว พร้อมทั้งเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมให้ สผ.พิจารณา ซึ่งทางสผ.ไม่ยินยอมให้ก่อสร้างศูนย์ประชุมฯ
โดยมีเหตุผลอ 3-4 ประการ คือ การลงทุนไม่คุ้มค่าทางด้านการเงิน หากใช้งบประมาณก่อสร้างกลัวว่าจะขาดทุน จากคนที่มาใช้ไม่เพียงพอกับงบประมาณที่ทุ่มลงไป บริเวณนั้นยังเป็นป่าที่สมบูรณ์ควรเก็บรักษาไว้ และโครงการอาจจะกระทบต่อการขึ้นมาวางไข่ของเต่าทะเล ซึ่งคิดว่าเป็นเหตุผลเดิมๆ ที่สผ.จะใช้กับโครงการใหญ่ของรัฐบาลในพื้นที่ภูเก็ต เพราะในพื้นที่บริเวณหาดไม้ขาว ซึ่งเป็นที่ดินผืนติดต่อกันมีโรงแรม รีสอร์ทเกิดขึ้นมากมาย หากโครงการศูนย์ประชุมฯกระทบกับการวางไข่ของเต่าทะเล โครงการอื่นๆ ก็มีผลกระทบด้วยเช่นกัน
อย่างกรณีของการไม่คุ้มค่ากับการลงทุนนั้น ทางสภาพัฒน์ และ ททท.ได้ทำการศึกษาวิจัยไปแล้วว่าโครงการก่อสร้างศูนย์ประชุมที่ภูเก็ตมีความคุ้มค่าสูงสุด และในอีก 4 ปีข้างหน้าอาเซียนจะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว ประเทศไทยจะได้อนิสงค์สูงสุดด้านการท่องเที่ยว เพราะจากการสำรวจพบว่าประชากรในอาเซียน 15% หรือประมาณ 30 ล้านคนจะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย การมีศูนย์ประชุมฯที่ภูเก็ต เชียงใหม่ และกรุงเทพฯจะทำประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการท่องเที่ยวและการจัดประชุมสัมมนา ที่จะสามารถดึงตลาดกลุ่ม MICE หรือกลุ่มประชุมสัมมนาเข้ามาภูเก็ตและประเทศไทยได้อีกมาก
“รัฐบาลที่แล้วไม่โยกงบประมาณการก่อสร้างศูนย์ประชุมฯที่เชียงใหม่ ดำเนินการโครงการที่ภูเก็ต ทั้งๆ ที่ภูเก็ตมีศักยภาพในการดึงตลาด MICE เข้ามามากกว่า เพราะรู้ว่าคนเชียงใหม่เองก็ต้องการที่จะดึงตลาด MICE เหมือนกัน”
นางอัญชลี กล่าวต่อกว่า กรมธนารักษ์ซึ่งเป็นเจ้าของเรื่องจะต้องหารือกับทางสผ.เพื่อแก้ไขประเด็นที่ยังเป็นกังวลอย่างไร รวมทั้งสผ.จะต้องลงมาดูพื้นที่จริง ซึ่งเชื่อว่าหากไม่มีอคติทางสผ.น่าจะอนุมัติ IEE เพื่อที่จะทำ EIA ต่อไป ซึ่งคิดว่าจะมีความเข้มข้นมากขึ้น ซึ่งตนและนายเรวัติจะผลักดันศูนย์ประชุมฯให้เกิดขึ้นที่ภูเก็ตให้เสร็จก่อนอาเซียนจะรวมเป็นหนึ่งเดียวในปี 2558 นี้ ซึ่งในส่วนของภาคเอกชนทั้งสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวและสมาคมโรงแรมไทยภาคใต้จะไปหารือกับ สผ.เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม และหากสผ.ยังยืนยันไม่เห็นชอบ IEE ต่อไปโดยไม่สมเหตุสมผล ทางภาคเอกชนจะยื่นฟ้องต่อศาลปกครอง มิฉะนั้นคนภูเก็ตจะต้องรอคอยตลอดไปทั้งๆที่รอมานานเป็น 20 ปีแล้ว ซึ่งคณะนี้ทุกอย่างพร้อมหมดแล้วทั้งแบบและงบประมาณ หากไม่ติดปัญหาสิ่งแวดล้อมจะสามารถจัดซื้อจัดจ้างได้ภายในเดือน ก.ย.-ต.ค.นี้
หากมีการย้ายสถานที่จากบ้านท่าฉัตรไชย ไปยังจุดอื่นในภูเก็ตนั้น นางอัญชลี กล่าวว่า เป็นการยื้อเวลาให้โครงการนี้ชะลอออกไปอีก ซึ่งขณะนี้โลกได้เปลี่ยนไปมากแล้ว น่าที่จะเลิกคิดในลักษณะนี้ได้แล้ว และคิดว่าหากรัฐบาลต้องการที่จะเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวและรายได้จากการท่องเที่ยวปีละ 2 ล้านล้านบาทเหมือนที่ได้แถลงนโยบายไว้นั้นก็ไม่ควรที่จะโยกงบประมาณไปทำอย่างอื่น และตนก็พร้อมที่จะตั้งกะทู้ถามในสภาหากมีการโยกงบดังกล่าวไปที่อื่น
นางอัญชลี กล่าวในตอนท้ายว่า ขณะนี้ยังไม่มีสัญญาณสื่อออกมาว่าการเมืองเข้ามาแทรกแซง และภาวนาว่าผู้บริหารประเทศในยุคนี้ที่ผ่านประสบการณ์การบริหารงานมามากน่าที่จะคิดได้ไกลไม่เอาการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับการพัฒนา เพราะเท่ากับเป็นการตัดโอกาสการเติบโตทางการท่องเที่ยวของภุเก็ต
อย่างไรก็ตาม ในวันพรุ่งนี้ผู้ตรวจราชการกระทรวงการคลัง นายประสิทธิ์ สืบชนะ จะเดินทางมาดูสภาพพื้นที่พร้อมด้วย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย
ด้าน นายสมพร แทนสกุล ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 บ้านท่าฉัตรไชย กล่าวว่า ชาวบ้านท่าฉัตรไชยมีความหวังที่จะให้ศูนย์ประชุมเกิดขึ้น เพื่อทำให้บ้านท่าฉัตรไชยเจริญขึ้น จึงยากจะฝากไปยังรัฐบาลใหม่ให้เดินหน้าโครงการนี้ต่อไป
