นราธิวาส - อธิบดีกรมราชทัณฑ์ยอมรับเรือนจำนราฯ แคบจริง ระบุ อาจมีการเคลื่อนย้ายนักโทษ แต่ขึ้นอยู่กับความสมัครใจเป็นหลัก
วันนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เดินทางตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส โดยได้ร่วมประชุมกับ นายฐานิส ศรียะพันธ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส เพื่อหามาตรการในการควบคุมความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากกลุ่มผู้ต้องขังชาย
พร้อมกันนี้ นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมพูดคุยผ่านเครื่องขยายเสียงไปยังกลุ่มผู้ต้องขังชาย เพื่อทำความเข้าใจและชี้แจงเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย
นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยด้วยว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้ เนื่องจากการต่อต้านไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายภายในเรือนนอนของผู้ต้องขังชาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องใช้แนวทางการแก้ปัญหา โดยการสร้างความเข้าใจในการแก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นหลัก เพื่อให้กลุ่มผู้ต้องขังเข้าใจว่ายาเสพติดเป็นสิ่งผิดกฎหมายและไม่ควรที่จะทำผิดซ้ำอีก
ส่วนกรณีปัญหาเรื่องพื้นที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสที่มีความคับแคบนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข ทั้งการหางบประมาณ หาสถานที่ รวมถึงลดจำนวนผู้กระทำความผิด ซึ่งปัจจุบันเรือนจำจังหวัดนราธิวาสมีเนื้อที่ทั้งหมด 4 ไร่ แต่ต้องรับจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมดกว่า 1,000 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากเกินกำหนด จากที่รับได้เพียง 500-600 คนเท่านั้น ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์ต้องประสบปัญหาในเรื่องกรณีเรือนจำคับแคบมากถึง 400 แห่ง ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณที่จะขยายสถานที่ได้อย่างทันท่วงที
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาเรื่องพื้นที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสมีความคับแคบในเบื้องต้นด้วยว่า อาจจะต้องมีการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังบางส่วนไปอยู่เรือนจำที่มีขนาดใหญ่ เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่สะดวก สบาย และไม่อึดอัด แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ต้องขังด้วย เพราะญาติที่ต้องการมาเยี่ยมจะต้องเดินทางไกลขึ้น
สำหรับปัญหาการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาภายในเรือนจำ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เองจับตามาโดยตลอด ซึ่งหลายครั้งสามารถจับได้ขณะที่ลักลอบนำเข้ามา แต่การลักลอบของกลุ่มผู้ต้องขังนั้นมีหลายวิธี จึงทำให้ยังคงมีปัญหาการลักลอบยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อื่นๆ เข้ามาอยู่ตลอด โดยเจ้าหน้าที่จะต้องคอยปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานออกไปเรื่อยๆ
วันนี้ (12 ส.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เดินทางตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความวุ่นวายที่เกิดขึ้นภายในเรือนจำจังหวัดนราธิวาส โดยได้ร่วมประชุมกับ นายฐานิส ศรียะพันธ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และ นายธนน เวชกรกานนท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาส เพื่อหามาตรการในการควบคุมความวุ่นวายที่เกิดขึ้นจากกลุ่มผู้ต้องขังชาย
พร้อมกันนี้ นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้ร่วมพูดคุยผ่านเครื่องขยายเสียงไปยังกลุ่มผู้ต้องขังชาย เพื่อทำความเข้าใจและชี้แจงเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่ด้วย
นายชาติชาย สุทธิกลม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยด้วยว่า ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นนี้ เนื่องจากการต่อต้านไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปปฏิบัติหน้าที่ตรวจค้นยาเสพติดและสิ่งผิดกฎหมายภายในเรือนนอนของผู้ต้องขังชาย ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องใช้แนวทางการแก้ปัญหา โดยการสร้างความเข้าใจในการแก้สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นหลัก เพื่อให้กลุ่มผู้ต้องขังเข้าใจว่ายาเสพติดเป็นสิ่งผิดกฎหมายและไม่ควรที่จะทำผิดซ้ำอีก
ส่วนกรณีปัญหาเรื่องพื้นที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสที่มีความคับแคบนั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ปัญหาเรื่องดังกล่าวเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข ทั้งการหางบประมาณ หาสถานที่ รวมถึงลดจำนวนผู้กระทำความผิด ซึ่งปัจจุบันเรือนจำจังหวัดนราธิวาสมีเนื้อที่ทั้งหมด 4 ไร่ แต่ต้องรับจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมดกว่า 1,000 คน ซึ่งถือว่ามีจำนวนมากเกินกำหนด จากที่รับได้เพียง 500-600 คนเท่านั้น ทั้งนี้ ปัจจุบันกรมราชทัณฑ์ต้องประสบปัญหาในเรื่องกรณีเรือนจำคับแคบมากถึง 400 แห่ง ทำให้มีข้อจำกัดในเรื่องงบประมาณที่จะขยายสถานที่ได้อย่างทันท่วงที
อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวถึงการแก้ปัญหาเรื่องพื้นที่เรือนจำจังหวัดนราธิวาสมีความคับแคบในเบื้องต้นด้วยว่า อาจจะต้องมีการเคลื่อนย้ายผู้ต้องขังบางส่วนไปอยู่เรือนจำที่มีขนาดใหญ่ เพื่อให้มีความเป็นอยู่ที่สะดวก สบาย และไม่อึดอัด แต่ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับความสมัครใจของผู้ต้องขังด้วย เพราะญาติที่ต้องการมาเยี่ยมจะต้องเดินทางไกลขึ้น
สำหรับปัญหาการลักลอบนำสิ่งผิดกฎหมายเข้ามาภายในเรือนจำ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ทางเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์เองจับตามาโดยตลอด ซึ่งหลายครั้งสามารถจับได้ขณะที่ลักลอบนำเข้ามา แต่การลักลอบของกลุ่มผู้ต้องขังนั้นมีหลายวิธี จึงทำให้ยังคงมีปัญหาการลักลอบยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์อื่นๆ เข้ามาอยู่ตลอด โดยเจ้าหน้าที่จะต้องคอยปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานออกไปเรื่อยๆ
