ศูนย์ข่าวภูเก็ต -ร้านทองภูเก็ตเหงาหลังราคาทองปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่ลูกค้านำมาเปลี่ยนหรือขายคืนมากขึ้น
นายชัยยุทธ ประยูรวงค์ ประธานชมรมร้านทองจังหวัดภูเก็ตและเจ้าของห้างเพชรทองรัษฎา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การปรับขึ้นราคาทองคำอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในอดีต โดยการซื้อขายในส่วนของผู้ซื้อใน จ.ภูเก็ต และต่างจังหวัด จะเป็นการซื้อขายทองรูปพรรณมากกว่า ซึ่งแตกต่างกับการซื้อขายบริเวณย่ายทองเยาวราชในกรุงเทพมหานครที่ส่วนใหญ่จะซื้อทองคำแท่งเก็งกำไร
สำหรับการซื้อขายทองในจังหวัดภูเก็ต ขณะนี้มีคนขายมากกว่าคนซื้อ รวมทั้งนำทองเก่ามาเปลี่ยนแบบหรือลายใหม่ ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา
นอกจากนั้น ภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์การท่องเที่ยวช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซัน นักท่องเที่ยวเข้ามาไม่มากนักทำให้พนักงานมาซื้อทองน้อยลง แตกต่างกับช่วงไฮซีซันที่พนักงาน พ่อค้า แม่ค้า มีรายได้ดีจากการท่องเที่ยวนิยมที่จะมาซื้อทองคำรูปพรรณเก็บไว้
นอกจากนี้ ตั้งแต่ทองคำมีราคาสูงขึ้น พฤติกรรมการแจกทองรูปพรรณของเจ้าของกิจการ บริษัท ห้างร้านอดีตย้อนกลับไปประมาณ 10-20 ปีที่แล้ว นิยมซื้อทองรูปพรรณ หรือจิวเวลรี่ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่มีให้ร้าน ให้พนักงานหรือ ตามธรรมเนียมชาวจีน ที่มอบทองเป็นอั่งเปาให้กับลูกหลาน เริ่มหมดไปโดยปริยายแต่มอบเป็นเงินสดแทน
ขณะที่ ในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศอาจจะมีลูกค้าบ้าง ส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป อเมริกา หรือชาวอิตาลี แต่การใช้ทองรูปพรรณของคนเหล่านี้แตกต่างกับบ้านเราโดยนักท่องเที่ยวนิยมซื้อทองคำ 18K ในขณะที่ประเทศไทย หรือแถบเอเชีย เป็นทอง 22-23K
ด้าน นางสาวจิราภา วงศ์ภาคำ พนักงานห้างทองกิติพร ถนนมนตรี อ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำขึ้น-ลง ต่อเนื่อง มาประมาณ 1-2 สัปดาห์ เกิดจากปัจจัยในต่างประเทศและการซื้อขายทองรูปพรรณ ในสัปดาห์นี้เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ทางห้างยังคงขายได้เรื่อยๆ และลูกค้าส่วนใหญ่ยังคง เป็นประชาชนในท้องถิ่น และอาจจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน แวะเข้ามาชมทองบ้างแต่ไม่ซื้อ ส่วนลูกค้านักท่องเที่ยวชาวตะวันตกมีไม่มากนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า บริเวณสองฝั่งถนนมนตรี กลางเมืองภูเก็ต เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของจังหวัด ซึ่งมีห้างทองและร้านจำหน่ายจิวเวลรี่มากถึงประมาณ 20 แห่ง ปรากฏว่า มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศทั้งชายและหญิง แวะเข้าไปสอบถามราคาทองรูปพรรณ และบางส่วนนำเอาสร้อยคอหรือสร้อยข้อมือ หรือกำไลทอง มาเสนอขายคืนร้าน ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
นายชัยยุทธ ประยูรวงค์ ประธานชมรมร้านทองจังหวัดภูเก็ตและเจ้าของห้างเพชรทองรัษฎา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การปรับขึ้นราคาทองคำอย่างมากในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในอดีต โดยการซื้อขายในส่วนของผู้ซื้อใน จ.ภูเก็ต และต่างจังหวัด จะเป็นการซื้อขายทองรูปพรรณมากกว่า ซึ่งแตกต่างกับการซื้อขายบริเวณย่ายทองเยาวราชในกรุงเทพมหานครที่ส่วนใหญ่จะซื้อทองคำแท่งเก็งกำไร
สำหรับการซื้อขายทองในจังหวัดภูเก็ต ขณะนี้มีคนขายมากกว่าคนซื้อ รวมทั้งนำทองเก่ามาเปลี่ยนแบบหรือลายใหม่ ทำให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา
นอกจากนั้น ภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตยังขึ้นอยู่กับสถานการณ์การท่องเที่ยวช่วงนี้เป็นช่วงโลว์ซีซัน นักท่องเที่ยวเข้ามาไม่มากนักทำให้พนักงานมาซื้อทองน้อยลง แตกต่างกับช่วงไฮซีซันที่พนักงาน พ่อค้า แม่ค้า มีรายได้ดีจากการท่องเที่ยวนิยมที่จะมาซื้อทองคำรูปพรรณเก็บไว้
นอกจากนี้ ตั้งแต่ทองคำมีราคาสูงขึ้น พฤติกรรมการแจกทองรูปพรรณของเจ้าของกิจการ บริษัท ห้างร้านอดีตย้อนกลับไปประมาณ 10-20 ปีที่แล้ว นิยมซื้อทองรูปพรรณ หรือจิวเวลรี่ แต่ปัจจุบันแทบจะไม่มีให้ร้าน ให้พนักงานหรือ ตามธรรมเนียมชาวจีน ที่มอบทองเป็นอั่งเปาให้กับลูกหลาน เริ่มหมดไปโดยปริยายแต่มอบเป็นเงินสดแทน
ขณะที่ ในส่วนของนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศอาจจะมีลูกค้าบ้าง ส่วนใหญ่เป็นชาวยุโรป อเมริกา หรือชาวอิตาลี แต่การใช้ทองรูปพรรณของคนเหล่านี้แตกต่างกับบ้านเราโดยนักท่องเที่ยวนิยมซื้อทองคำ 18K ในขณะที่ประเทศไทย หรือแถบเอเชีย เป็นทอง 22-23K
ด้าน นางสาวจิราภา วงศ์ภาคำ พนักงานห้างทองกิติพร ถนนมนตรี อ.เมืองภูเก็ต กล่าวว่า ความเคลื่อนไหวของราคาทองคำขึ้น-ลง ต่อเนื่อง มาประมาณ 1-2 สัปดาห์ เกิดจากปัจจัยในต่างประเทศและการซื้อขายทองรูปพรรณ ในสัปดาห์นี้เมื่อเปรียบเทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่า ทางห้างยังคงขายได้เรื่อยๆ และลูกค้าส่วนใหญ่ยังคง เป็นประชาชนในท้องถิ่น และอาจจะมีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีน แวะเข้ามาชมทองบ้างแต่ไม่ซื้อ ส่วนลูกค้านักท่องเที่ยวชาวตะวันตกมีไม่มากนัก
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า บริเวณสองฝั่งถนนมนตรี กลางเมืองภูเก็ต เป็นย่านธุรกิจการค้าที่สำคัญของจังหวัด ซึ่งมีห้างทองและร้านจำหน่ายจิวเวลรี่มากถึงประมาณ 20 แห่ง ปรากฏว่า มีกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศทั้งชายและหญิง แวะเข้าไปสอบถามราคาทองรูปพรรณ และบางส่วนนำเอาสร้อยคอหรือสร้อยข้อมือ หรือกำไลทอง มาเสนอขายคืนร้าน ในขณะที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด