สตูล - อช.ตะรุเตาเรียกประชุมบริษัทนำเที่ยว เพื่อหารือมาตรการป้องกันและแก้ไขปะการังฟอกขาวรับมือฤดูกาลท่องเที่ยวสตูลปลายปีนี้ ขู่หากมีการลงดำน้ำในพื้นที่หวงห้ามจะสั่งปิดบริษัท ข้อหาทำลายสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อุทยานฯ
วันนี้ (11 ส.ค.) อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาเรียกประชุมหารือผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อเร่งหามาตรการป้องกันและแก้ไขการเกิดปะการังฟอกขาว เตรียมรับมือฤดูกาลท่องเที่ยวในเดือน พ.ย. ที่จะมาถึงนี้ พร้อมกำชับจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับผู้ประกอบการ ที่แหกกฎ นำนักท่องเที่ยวลงดำน้ำในพื้นที่ที่ประกาศปิด เนื่องจากที่ผ่านมาปะการังฟอกขาว ใน จ.สตูล ฟื้นตัวเพียง 20 % เท่านั้น
นายกรานต์ ทั่วด้าว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เปิดเผยว่า สถานการณ์ปะการังฟอกขาวใน จ.สตูล เริ่มดีขึ้นแล้ว โดยขณะนี้กำลังรอผลสรุปจาก กรมอุทยานแห่งชาติ ว่าจะอนุญาตให้มีการเปิดจุดดำน้ำในบริเวณที่มีปะการังฟอกขาวหรือไม่
ทั้งนี้ ในส่วนของอุทยานฯ เองก็มีมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยสั่งปิดจุดดำน้ำและนำทุ่นสีแดงไปลอยเตือนไว้ ก่อนจะเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.สตูล อย่างเป็นทางการ เพื่อไม่ให้เกิดปะการังฟอกขาวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปะการังฟอกขาวยังไม่มีการลุกลามไปยังพื้นที่เกาะอื่นๆ โดยยังคงอยู่ตามจุดดำน้ำ เช่น บริเวณหาดทรายขาว เกาะหินงามบางส่วน เกาะดง เกาะตะเกียง ซึ่งขณะนี้ฟื้นตัวเพียงแค่ 20 % เท่านั้น กรมอุทยานฯ จะทำหนังสือแจ้งปิดจุดดำน้ำ รับหน้าท่องเที่ยวที่จะมาถึงนี้ โดยจะตั้งกฎอย่างเข้มงวดทั้งจับและปรับ หากเป็นผู้ประกอบการและมัคคุเทศก์จะมีการจับ และสั่งหยุดการประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวขั้นเด็ดขาด ในข้อหาร่วมกันทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตหวงห้ามและในเขตอุทยาน
นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาจะมีการประชุมใหญ่ เพื่อเตรียมมาตรการเข้มงวดครั้งสุดท้ายก่อนเปิดฤดูการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว หน่วยงานในจังหวัดสตูล และนายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลจะเป็นพยาน และร่วมเสนอแนวทางการป้องกันการบุกรุกในพื้นที่ดำน้ำดูปะการังที่เกิดฟอกขาว
ขณะเดียวกัน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ยังพบข้อมุลว่า ยังมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่แอบพานักท่องเที่ยวลงดำน้ำดูปะการังในพื้นที่หวงห้าม เช่นเดียวกับด้านอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และพื้นที่เกาะบูโหลน ที่เป็นจุดการเกิดปะการังฟอกขาว เจ้าหน้าที่ยังคงนำเรือตรวจการออกเฝ้าระวัง ถึงแม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซันก็ตาม เพราะยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวลงเกาะเพื่อดำน้ำดูปะการังไม่ขาดสาย
วันนี้ (11 ส.ค.) อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาเรียกประชุมหารือผู้ประกอบการท่องเที่ยว เพื่อเร่งหามาตรการป้องกันและแก้ไขการเกิดปะการังฟอกขาว เตรียมรับมือฤดูกาลท่องเที่ยวในเดือน พ.ย. ที่จะมาถึงนี้ พร้อมกำชับจะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดกับผู้ประกอบการ ที่แหกกฎ นำนักท่องเที่ยวลงดำน้ำในพื้นที่ที่ประกาศปิด เนื่องจากที่ผ่านมาปะการังฟอกขาว ใน จ.สตูล ฟื้นตัวเพียง 20 % เท่านั้น
นายกรานต์ ทั่วด้าว หัวหน้าอุทยานแห่งชาติตะรุเตา เปิดเผยว่า สถานการณ์ปะการังฟอกขาวใน จ.สตูล เริ่มดีขึ้นแล้ว โดยขณะนี้กำลังรอผลสรุปจาก กรมอุทยานแห่งชาติ ว่าจะอนุญาตให้มีการเปิดจุดดำน้ำในบริเวณที่มีปะการังฟอกขาวหรือไม่
ทั้งนี้ ในส่วนของอุทยานฯ เองก็มีมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยสั่งปิดจุดดำน้ำและนำทุ่นสีแดงไปลอยเตือนไว้ ก่อนจะเปิดฤดูกาลท่องเที่ยวในพื้นที่ จ.สตูล อย่างเป็นทางการ เพื่อไม่ให้เกิดปะการังฟอกขาวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปะการังฟอกขาวยังไม่มีการลุกลามไปยังพื้นที่เกาะอื่นๆ โดยยังคงอยู่ตามจุดดำน้ำ เช่น บริเวณหาดทรายขาว เกาะหินงามบางส่วน เกาะดง เกาะตะเกียง ซึ่งขณะนี้ฟื้นตัวเพียงแค่ 20 % เท่านั้น กรมอุทยานฯ จะทำหนังสือแจ้งปิดจุดดำน้ำ รับหน้าท่องเที่ยวที่จะมาถึงนี้ โดยจะตั้งกฎอย่างเข้มงวดทั้งจับและปรับ หากเป็นผู้ประกอบการและมัคคุเทศก์จะมีการจับ และสั่งหยุดการประกอบธุรกิจการท่องเที่ยวขั้นเด็ดขาด ในข้อหาร่วมกันทำลายทรัพยากรสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตหวงห้ามและในเขตอุทยาน
นอกจากนี้ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตาจะมีการประชุมใหญ่ เพื่อเตรียมมาตรการเข้มงวดครั้งสุดท้ายก่อนเปิดฤดูการท่องเที่ยวอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง โดยทางสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยว หน่วยงานในจังหวัดสตูล และนายเหนือชาย จิระอภิรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดสตูลจะเป็นพยาน และร่วมเสนอแนวทางการป้องกันการบุกรุกในพื้นที่ดำน้ำดูปะการังที่เกิดฟอกขาว
ขณะเดียวกัน อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา ยังพบข้อมุลว่า ยังมีผู้ประกอบการท่องเที่ยวในพื้นที่แอบพานักท่องเที่ยวลงดำน้ำดูปะการังในพื้นที่หวงห้าม เช่นเดียวกับด้านอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และพื้นที่เกาะบูโหลน ที่เป็นจุดการเกิดปะการังฟอกขาว เจ้าหน้าที่ยังคงนำเรือตรวจการออกเฝ้าระวัง ถึงแม้จะเป็นช่วงโลว์ซีซันก็ตาม เพราะยังคงมีนักท่องเที่ยวเดินทางเที่ยวลงเกาะเพื่อดำน้ำดูปะการังไม่ขาดสาย
