นราธิวาส - กอ.รมน.ภาค 4 นำกำลังทหารบุกทลายคลังประทัด มูลค่ากว่า 20 ล้าน หวั่นตกถึงมือที่สามารถประกอบระเบิดได้กว่า 2,000 ลูก เจ้าของร้านระบุมีไว้จำหน่ายช่วงเทศกาลรายอ
เมื่อเวลา 17.00 น. วันนี้(12 ก.ค.) พ.อ.จตุพร กลัมพสุต ผอ.กองข่าว กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าได้สั่งการให้ พ.ท.จรัญ เอี่ยมฐานนท์ รอง ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 ในฐานะคณะทำงานปราบปรามภัยแทรกซ้อน กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นำกำลังทหารจำนวน 50 นาย ใช้กฎอัยการศึกทำการบุกตรวจค้นอาคารพาณิชย์ 2 ห้อง เลขที่ 22 และ 23 ซึ่งตั้งอยู่ถนนเจริญเขต ซอย 13 เขตเทศบาลเมืองสุไหงโก-ลก อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส ซึ่งมีนางเขมิกา ล้อธรรมกุล เป็นเจ้าของ
การตรวจค้นในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบประทัดนานาชนิดถูกบรรจุใส่ไว้ในกล่องกระดาษขนาดต่างๆ ซึ่งมีจำนวนนับ 100 ใบ ที่ถูกตั้งกองแยกไว้แต่ละชนิดไว้บนพื้นห้องเต็มทั้ง 2 ห้อง ซึ่งมีมูลค่ากว่า 20 ล้านบาท
นางเขมิกา เจ้าของบ้าน แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ประทัดนานาชนิดมีไว้เพื่อจำหน่ายส่งให้กับลูกค้าในประเทศมาเลเซีย ที่ซื้อไปจำหน่ายต่อให้กับลูกค้าในช่วงเทศกาลรอยอ ซึ่งอีกประมาณ 2 เดือนจะถึงช่วงเทศกาลดังกล่าว
การบุกตรวจยึดของกลางทั้งหมดในครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ประสานคณะทำงานของ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม เดินทางมาทำการตรวจสอบสารดินดำที่บรรจุอยู่ในประทัดนานาชนิด ว่าดินดำที่ตรวจสอบพบในครั้งนี้ ไปตรงกับวัตถุพยานที่เกิดเหตุร้ายที่ใดบ้างในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อนำไปสู่การขยายผลว่าที่ใดใช้วัสดุดังกล่าวในการประกอบระเบิด และขยายผลไปสู่การควบคุมและจำหน่ายประทัดนานาชนิดอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
หลังจากเจ้าหน้าที่ของคณะแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำการตรวจสอบแล้วเสร็จ เจ้าหน้าที่ได้ขนย้ายของกลางทั้งหมดนำใส่รถ 10 ล้อ จำนวน 8 คัน ขนย้ายไปเก็บไว้ที่กองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนชายที่ 447 บ้านเจาะวา อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส และได้ส่งตัวนางเขมิกา เจ้าของบ้าน ส่งพนักงานสอบสวน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
แหล่งข่าวซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิด ที่ร่วมเข้าตรวจค้นในครั้งนี้ เปิดเผยว่า ดินดำที่เป็นส่วนผลิตของประทัดนานาชนิดที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจยึดในครั้งนี้ ทั้งหมดสามารถใช้ประกอบเป็นระเบิดแสวงเครื่องแบบเท้าเหยียบได้มากกว่า จำนวน 2,000 ลูก หากตกถึงมือกลุ่มผู้ไม่หวังดี ซึ่งการบุกตรวจยึดในครั้งนี้ เป็นแผนการป้องปรามการก่อเหตุร้ายในอีกทางหนึ่งด้วย ที่คาดว่าสามารถทำให้สถานการณ์ร้ายในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ลดลงตามลำดับ