ตรัง - ผอ.รพ.ย่านตาขาว จ.ตรัง ค้านไม่ให้สาวโอเกะ ที่ถูก ด.ต.ซ้อมปางตาย ไปชี้จุดเกิดเหตุ เนื่องจากคนป่วยยังไม่แข็งแรงดี ขณะที่ญาติหาวงความปลอดภัยหลังจากพากลับพักฟื้นที่บ้าน
จากกรณีที่ น.ส.สลิลทิพย์ จิตเที่ยง อายุ 32 ปี แม่หม้ายลูกติด และสาวคาราโอเกะใน จ.ตรัง ได้ถูก ด.ต.สมยศ ดำเกราะ ผบ.หมู่งาน ป.สภ.เมืองตรัง ซึ่งเคยมีสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกันมาก่อน ร่วมมือกับ นายพิศาล บุญชู เพื่อนชาย วางแผนหลอกมารับพาไปรับประทานอาหารที่ครัวอารียามุสลิม ต.ควนปริง อ.เมืองตรัง เพื่อคาดคั้นสอบถามความจริงจากปากฝ่ายหญิง เนื่องจากแค้นที่มีชายอื่นมาพร้อมกันถึง 2 คน พร้อมกับทวงเงินที่ลงทุนเปิดร้านคาราโอเกะ และร้านรับซื้อขายซากรถเก่า ที่ จ.กระบี่ จำนวน 1 ล้านบาท กลับคืน
แต่เมื่อตกลงไม่ได้ จึงใส่กุญแจมือลากขึ้นรถยนต์พาไปซ้อมทำร้ายร่างกาย ที่ขนำในสวนยางพารา หมู่ 1 ต.ควนธานี อ.กันตัง จ.ตรัง ก่อนจะใช้อาวุธปืนจี้บังคับไปกดเงินที่ตู้เอทีเอ็ม จำนวน 28,000 บาท และขู่จะฆ่าเผานั่งยาง ก่อนที่เหยื่อจะแกล้งตาย และหนีออกมาแจ้งความที่ สภ.กันตัง พร้อมกับเข้าร้องเรียนต่อ นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เพื่อขอความคุ้มครอง เนื่องจากฝ่ายผู้เสียหายเกรงกลัวอิทธิพลของอีกฝ่าย โดยเหตุเกิดเมื่อวันที่ 19 มิ.ย.2554 ที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้ ต่อมา ด.ต.สมยศ พร้อมทนายความส่วนตัว ได้ติดต่อขอมอบตัวพร้อมให้การปฏิเสธ ยืนยันจะไปให้การในชั้นศาล และขอประกันตัวออกไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันทำร้ายร่างกาย กักขังหน่วงเหนี่ยว และนัดมาฝากขังต่อศาล จ.ตรัง โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 23 มิ.ย.2554 ที่ผ่านมา นายพิศาล บุญชู ได้ติดต่อขอมอบตัวเพิ่มอีกคน พร้อมกับให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อเอาผิดผู้ต้องหาทั้ง 2 คนแล้ว
สำหรับความคืบหน้าล่าสุด เมื่อเวลา 14.30 น. วันนี้ (24 มิ.ย.) พ.ต.ท.ชัยพฤกษ์ ผาติวรากร รอง ผกก.สส.สภ.กันตัง พร้อมด้วย ร.ต.ท.กมลาสณ์ นิยมเขต พนักงานสอบสวน สภ.กันตัง เจ้าของคดี และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนหนึ่ง ได้เดินทางไปที่ รพ.ย่านตาขาว เพื่อขอรับ นางสลิลทิพย์ จิตรเที่ยง อายุ 32 ปี ผู้เสียหาย ไปชี้จุดที่เกิดเหตุ เพื่อนำไปเป็นหลักฐานดำเนินคดีกับ ด.ต.สมยศ โดยมี นางเลื่อน ทองดอนแอร์ มารดา และญาติคอยดูแลอย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ นางเลื่อนได้แสดงความกังวลต่อความปลอดภัยของลูกสาวหลังจากกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้าน ซึ่งทาง พ.ต.ท.ชัยพฤกษ์ รับรองว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ อส.และ เจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเข้มงวด
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินทางไปถึง นพ.สินไชย รองเดช ผู้อำนวยการ รพ.ย่านตาขาว ได้คัดค้านการนำ นางสลิลทิพย์ ไปชี้จุดที่เกิดเหตุ โดยให้เหตุผลว่า กังวลและเป็นห่วงสภาพร่างกายของ นางสลิลทิพย์ ที่ยังไม่แข็งแรง แม้ว่าอาการโดยภาพรวมจะดีขึ้นมากแล้วก็ตาม โดยเฉพาะอาการบวมช้ำที่ใบหน้าและตาลดลงแล้ว แต่ยังมีอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณคอ คาง และสะบักหลัง เนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือนอย่างหนัก ทางแพทย์จึงต้องฉีดยาแก้อักเสบให้ทุกวัน และคาดว่าจะฉีดไปจนครบ 5 วัน หลังจากนั้น ก็จะสั่งหยุดยา และให้คนไข้ออกจาก รพ.ย่านตาขาว เพื่อกลับไปพักฟื้นต่อที่บ้านได้
โดยผู้อำนวยการ รพ.ย่านตาขาว เกรงว่า หากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะนำ นางสลิลทิพย์ ไปชี้จุดเกิดเหตุ คงจะไม่เหมาะ เพราะร่างกายยังไม่แข็งแรงดี ประกอบกับการที่ผู้ป่วยนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานานหลายวัน และเมื่อออกไปเจอกับสภาพอากาศที่แดดร้อนจัด ก็เสี่ยงต่อการเป็นลม เนื่องจากร่างกายอ่อนเพลีย และอาจทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่และทรุดลงได้ เนื่องจากคนไข้ยังมีอาการหวาดผวาตลอดเวลา ซึ่งทาง รพ.ได้ประสานไปยังศูนย์สุขภาพจิตเข้ามาดูแลฟื้นฟูด้านจิตใจแล้ว และคาดว่าน่าจะใช้เวลาระยะหนึ่ง
ขณะที่ พล.ต.ต.สาคร ทองมุณี ผบก.ภ.จว.ตรัง กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้ดำเนินคดีอาญาและทางวินัยกับ ด.ต.สมยศ ผู้ต้องหาแล้ว โดยเบื้องต้นได้สั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน พร้อมกับตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หากพบว่ามีความผิดจริง ก็ให้ดำเนินการไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยยืนยันว่าจะให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย และไม่ปกป้องคนผิดแม้จะเป็นลูกน้องก็ตาม ส่วนเรื่องของคดีได้กำชับให้ตำรวจท้องที่ทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่เข้าข้างฝ่ายใด
