ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - แม่ทัพภาคที่ 4 สั่งสอบข้อเท็จจริงแล้ว กรณีทหารเกณฑ์ประจำการที่ “กองพลพัฒนาที่ 4 ค่ายนราธิวาสราชนครินทร์” ถูกรุมซ้อมเสียชีวิต เผยญาติผู้ตายมีหลักฐานทางการแพทย์ชี้ชัดด้วย
วันนี้ (8 มิ.ย.) นายวิสิทธ์ เผือกสม อยู่ที่ 129/2 ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา ได้ร้องขอความเป็นธรรมจากผู้สื่อข่าวเรื่อง พลทหารวิเชียร เผือกสม อายุ 25 ปี อยู่ที่ 129/2 ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นน้องชาย และเป็นทหารประจำการที่ กองพลพัฒนาที่ 4 ค่ายนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เสียชีวิต โดยแพทย์ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ลงความเห็นว่า ถูกทุบตีด้วยของแข็ง ทำให้ฟันหัก ซี่โครงเดาะ ร่างกายมีร่องรอยเหมือนถูกกดทับด้วยของแข็ง และเสียชีวิตด้วยอาการไตวายเฉียบพลัน จึงได้นำศพมาตั้งไว้ที่วัดคลองแดน ต.ท่าเข็น อ.ระโนด จ.สงขลา ซึ่งเป็นบ้านเกิด และได้ทำเนินการแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนราธิวาส เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงกับการตายอย่างผิดปกติของพลทหารวิเชียรไว้แล้ว และจะไม่เผาศพ หากไม่ได้รับความเป็นธรรม จากกองพลพัฒนาที่ 4
นายวิสิทธิ์ เปิดเผยว่า พลทหารวิเชียร ซึ่งได้ขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร เนื่องจากอยู่ระหว่างการบวชและศึกษาต่อจนจบปริญญาโท และลาสิกขาบทมาสมัครเข้าเป็นทหารเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และถูกส่งไปประจำการที่กองพลพัฒนาที่ 4 จ.นราธิวาส แต่ทนการฝึกหนักไม่ไหว จึงได้หลบหนีเพื่อจะกลับบ้านที่ จ.สงขลา แต่ไม่มีเงินค่ารถ
จึงถูกเจ้าหน้าที่ติดตามนำตัวกลับไปในค่าย และถูกทำร่ายร่างกายจนหมดความรู้สึก ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. และทางบ้านทราบข่าวจากญาติของผู้ป่วยที่อยู่เตียงติดกันโทรศัพท์แจ้งให้ทราบ เมื่อญาติไปถึงพบว่า พลทหารวิเชียรเสียชีวิตแล้วจึงนำศพกลับมาที่บ้าน และได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนราธิวาส และพนักงานสอบสวนได้แนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เจาะไอร้อง ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการแจ้งความไว้แล้ว
โดยมีหลักฐานใบรับรองแพทย์และใบชันสูตรศพ เป็นหลักฐานสำคัญว่า พลทหารวิเชียรเสียชีวิตเพราะถูกรุมทำร้ายร่างกาย สำหรับพลทหารวิเชียรเป็นหลานชายของ พ.ต.ท.สมพล ดำราษฎร์ รอง ผกก.ส.สภ.บันนังสตา จ.ยะลาด้วย
เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สอบสวนข้อเท็จจริงในทันที่ที่มีการแจ้งความร้องทุกข์จากญาติของพลทหารวิเชียร ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่าทางต้นสังกัดที่รับผิดชอบได้ทำการควบคุมตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้อกับการทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียรแล้ว 4 คนด้วยกัน ส่วนสาเหตุการทำร้ายร่างกายครั้งนี้ อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง
วันนี้ (8 มิ.ย.) นายวิสิทธ์ เผือกสม อยู่ที่ 129/2 ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา ได้ร้องขอความเป็นธรรมจากผู้สื่อข่าวเรื่อง พลทหารวิเชียร เผือกสม อายุ 25 ปี อยู่ที่ 129/2 ต.บ่อยาง อ.เมือง จ.สงขลา ซึ่งเป็นน้องชาย และเป็นทหารประจำการที่ กองพลพัฒนาที่ 4 ค่ายนราธิวาสราชนครินทร์ หรือ ค่ายปิเหล็ง อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เสียชีวิต โดยแพทย์ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ ลงความเห็นว่า ถูกทุบตีด้วยของแข็ง ทำให้ฟันหัก ซี่โครงเดาะ ร่างกายมีร่องรอยเหมือนถูกกดทับด้วยของแข็ง และเสียชีวิตด้วยอาการไตวายเฉียบพลัน จึงได้นำศพมาตั้งไว้ที่วัดคลองแดน ต.ท่าเข็น อ.ระโนด จ.สงขลา ซึ่งเป็นบ้านเกิด และได้ทำเนินการแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนราธิวาส เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงกับการตายอย่างผิดปกติของพลทหารวิเชียรไว้แล้ว และจะไม่เผาศพ หากไม่ได้รับความเป็นธรรม จากกองพลพัฒนาที่ 4
นายวิสิทธิ์ เปิดเผยว่า พลทหารวิเชียร ซึ่งได้ขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร เนื่องจากอยู่ระหว่างการบวชและศึกษาต่อจนจบปริญญาโท และลาสิกขาบทมาสมัครเข้าเป็นทหารเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา และถูกส่งไปประจำการที่กองพลพัฒนาที่ 4 จ.นราธิวาส แต่ทนการฝึกหนักไม่ไหว จึงได้หลบหนีเพื่อจะกลับบ้านที่ จ.สงขลา แต่ไม่มีเงินค่ารถ
จึงถูกเจ้าหน้าที่ติดตามนำตัวกลับไปในค่าย และถูกทำร่ายร่างกายจนหมดความรู้สึก ตั้งแต่วันที่ 2 เม.ย. และทางบ้านทราบข่าวจากญาติของผู้ป่วยที่อยู่เตียงติดกันโทรศัพท์แจ้งให้ทราบ เมื่อญาติไปถึงพบว่า พลทหารวิเชียรเสียชีวิตแล้วจึงนำศพกลับมาที่บ้าน และได้เข้าแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองนราธิวาส และพนักงานสอบสวนได้แนะนำให้ไปแจ้งความที่ สภ.เจาะไอร้อง ซึ่งเป็นพื้นที่เกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการแจ้งความไว้แล้ว
โดยมีหลักฐานใบรับรองแพทย์และใบชันสูตรศพ เป็นหลักฐานสำคัญว่า พลทหารวิเชียรเสียชีวิตเพราะถูกรุมทำร้ายร่างกาย สำหรับพลทหารวิเชียรเป็นหลานชายของ พ.ต.ท.สมพล ดำราษฎร์ รอง ผกก.ส.สภ.บันนังสตา จ.ยะลาด้วย
เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้สอบสวนข้อเท็จจริงในทันที่ที่มีการแจ้งความร้องทุกข์จากญาติของพลทหารวิเชียร ซึ่งในเบื้องต้นทราบว่าทางต้นสังกัดที่รับผิดชอบได้ทำการควบคุมตัวผู้มีส่วนเกี่ยวข้อกับการทำร้ายร่างกายพลทหารวิเชียรแล้ว 4 คนด้วยกัน ส่วนสาเหตุการทำร้ายร่างกายครั้งนี้ อยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง