นครศรีธรรมราช - ผู้ประสบภัยด้อยโอกาสรัฐเข้าไม่ถึง อปท.รับหมดงบถูกภัยถล่มถึง 3 ครั้งจับมือเอกชนเป็นกำลังหลักไม่ทอดทิ้ง มองหาความช่วยเหลือเพิ่มโอกาสฟื้นฟูสร้างความหวังสู้ชีวิต
ปลายเดือนมีนาคม จนถึงต้นเดือนเมษายน 2554 พื้นที่นครศรีธรรมราชประสบกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ และดูเหมือนว่าจะรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปี แม้ผู้เฒ่าผู้แก่หลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เคยเห็นภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงเช่นนี้มาก่อน สิ่งที่เหลือทิ้งไว้คือความเสียหายของบ้านเรือน เรือกสวนไร่นา สวนยางพารา สวนผลไม้ที่เสียหายอย่างหนักหนาสาหัส บางคนถึงขั้นสิ้นเนื้อประดาตัวทีเดียว
พื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช แม้ว่าจะได้รับการช่วยเหลือจากรัฐบาล และในทุกภาคส่วนก็ตาม ในทุกวันนี้ความช่วยเหลือยังหลั่งไหลเข้ามาไม่ขาดสาย ในรูปแบบการช่วยเหลือที่แตกต่างกันทั้งในรูปของเครื่องอุปโภค บริโภคชนิดต่างๆหรือแม้กระทั่งเงินสด
แต่หนึ่งในปัจจัย 4 ที่สำคัญมนุษย์ไม่สามารถขาดได้ นั่นคือ ที่อยู่อาศัย และภัยธรรมชาติในคราวนี้ได้สร้างความเสียหายให้กับที่อยู่อาศัยของประชาชน มีทั้งถอนรากถอนโคนไม่เหลือแม้แต่เศษซาก ที่โชคดีอยู่บ้างนั้นคงเหลือแค่ซากบางส่วนของบ้านที่เคยอบอุ่นทิ้งไว้ให้กลายเป็นความเจ็บช้ำของเจ้าของ
ในการช่วยเหลือผู้ประสบภัยเช่นนี้ ภาครัฐได้ดำเนินการอย่างเต็มกำลัง โดยมีหน่วยงานราชการต่างๆเป็นกำลังหลักในการสนับสนุนกำลังคนเข้าซ่อมสร้าง แต่ผู้ประสบภัยบางคนยังด้อยโอกาสในการเข้าถึงความช่วยเหลือเช่นนี้จากทางรัฐ ซึ่งภาคเอกชนที่มีศักยภาพในทรัพยากรเป็นกำลังสำคัญในการสอดส่องดูแลให้การช่วยเหลือฟื้นฟู
ดังเช่น พื้นที่ ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เป็นพื้นที่หนึ่งที่มีสภาพอุทกภัยที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน บ้านหลายหลังเสียหายซึ่งไม่ได้เข้าถึงการช่วยเหลือมากนัก นายไตรรงค์ ใจสบาย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลควนทอง บอกว่า อุทกภัยในครั้งนี้มีถึง 3 ครั้งในรอบ 3-4 เดือน งบประมาณที่จัดลงพื้นที่ของ อบต.หมดทุกส่วน ต้องเอามาฟื้นฟูถึง 3 รอบ ถือเป็นปัญหาใหญ่เนื่องจากท้องถิ่นไม่มีงบประมาณ
“ผมถามผู้เฒ่าผู้แก่วัยเลย 80 ปีที่นี่ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เคยเห็นฝนที่ตกอย่างยาวนาน และน้ำที่ท่วมอย่างหนักเช่นนี้มาก่อน พื้นที่ส่วนใหญ่ของขนอมเป็นภูเขาถูกน้ำท่วมสูงอย่างเหลือเชื่อ บ้านหลายหลังเสียหาย ซึ่งมีทั้งทางการให้การช่วยเหลือและบางส่วนหลายคนเข้าไม่ถึงโอกาสนี้
สมาชิก อบต.และ อบต.เองต้องไปตรวจสอบและประสานความช่วยเหลือจากมูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติประเทศไทย และบริษัท เชฟรอน สำรวจและผลิต เข้ามาพบว่ามีบ้าน 3 หลัง และเสียหายบางส่วนอีก 133 หลังใน ต.ควนทอง เฉพาะที่พังเสียหายทั้งหลังนั้นผมบอกได้เลยว่าไม่มีทางที่เขาจะสร้างขึ้นใหม่ได้เลยถ้าไม่มีโอกาสจากการช่วยเหลือจากภาคเอกชน” ผู้บริหารท้องถิ่นแห่งนี้ระบุ
นายสงัด เพชรสุวรรณ อายุ 65 ปี อยู่ 49 ม.11 ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของบ้านหลังใหม่ บอกว่าบ้านพังไปทั้งหลังช่วงที่เกิดน้ำท่วม ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้บ้านหลังใหม่อาศัยในบั้นปลายชีวิต แม้ว่าจะไม่ได้หรูหรา ใหญ่โต แต่มันคือความมั่นคงในชีวิตที่ได้อยู่อาศัยกับลูกหลานแล้ว เจ้าของบ้านหลังนี้บอกอย่างปลาบปลื้มกับบ้านหลังใหม่
ส่วนความช่วยเหลือในพื้นที่นั้น นายสุรศักดิ์ บุตรเด่น เจ้าหน้าที่พัฒนาชุมชนมูลนิธิที่อยู่อาศัยเพื่อมนุษยชาติประเทศไทย บอกว่ามูลนิธิได้เป็นที่รู้จักในช่วงของการสร้างบ้านให้กับประชาชนในพื้นที่ประสบภัยสึนามิเมื่อปี 2548 ซึ่งเราได้ซ่อมและสร้างบ้านให้กับประชาชนที่ด้อยโอกาสมาเป็นจำนวนมาก
“ในพื้นที่ ต.ควนทอง อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช มูลนิธิได้รับการสนับสนุนงบประมาณจำนวน 85,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.55 ล้านบาท จาก มร.โจ จา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เชฟรอน เอเชีย เซาท์ ในการสร้างและซ่อมแซมบ้านของประชาชนในพื้นที่นี้ โดยแบ่งเป็นสร้างทั้งหลังจำนวน 3 หลังในวงเงินหลังละ 1.2 แสน ที่เสียหายบางส่วนซ่อมแซมหลังละ 9 พันบาทอีก 133 หลัง ที่ผ่านมาเราพบอุปสรรคที่สำคัญคือเมื่อนำวัสดุก่อสร้างมากองไว้ถูกอุทกภัยครั้งใหญ่พัดพาไปจำนวนมากต้องจัดซื้อกันใหม่ ซึ่งทั้งหมดน่าจะแล้วเสร็จในอีกราว 3 เดือน”
แม้ว่าสมาชิกบางคนบางมุมในสังคม หรือชุมชนท้องถิ่นห่างไกล จะพลาดหรือขาดโอกาสในการเข้าถึงการช่วยเหลือจากภาครัฐ แต่ถ้าท้องถิ่นใส่ใจ ความเดือดร้อนเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขและยิ่งถ้าเป็นมือประสานปัญหาทุกอย่างจะถูกแก้ไขลงไปโดยง่าย แม้ว่างบประมาณในมือจะไม่มีอย่างเช่น อบต.ควนทอง แห่งนี้เป็นท้องถิ่นที่ไม่มีเงินแต่มีความร่วมมือนั่นเอง
