ตรัง - ญาติและชาวอำเภอห้วยยอด รอรับศพพลทหารกล้าอย่างสมเกียรติ หลังพลีชีพในเหตุการณ์คนลอบวางระเบิดในพื้นที่รามัน ยะลา ผู้เป็นแม่ยอมรับเสียใจ แต่ก็ภูมิใจที่ลูกชายรับใช้ชาติจนวินาทีสุดท้าย
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมาที่กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 (ร.15 พัน 4) ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เฮลิคอปเตอร์ กองทัพบก ได้ลำเลียงเคลื่อนย้ายศพของ พลทหาร อนุวัฒน์ เพชรราม อายุ 21 ปี สังกัดค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ที่เสียชีวิตจากเหตุผู้ก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดจนเสียชีวิต ขณะกำลังนั่งรถหุ้มเกราะลาดตระเวนบนถนนสายจำปูน-เจาะลีมัด รอยต่อหมู่ที่ 4 บ้านเจาะลีมัด ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา จนมีพลทหารเสียชีวิตพร้อมกัน 3 นาย เหตุเกิดเมื่อเวลา 14.30 น.ของวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมื่อศพของพลทหารอนุวัฒน์ เดินทางกลับถึงบ้านเกิดที่ จ.ตรัง นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วย พ.อ.วรเดช เดชรักษา ผบ.ร.15 พัน 4 นายสาธร วงศ์หนองเตย ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ องค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนกว่า 200 คนได้มารอรับศพ ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด ซึ่งทันทีที่เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกลงจอด นางสำรวย พร้อมด้วย น.ส.นีรนุช ภรรยาและบุตรสาว พร้อมทั้งญาติๆ ต่างโผเข้ากอดกันร่ำไห้แทบขาดใจ ก่อนที่จะมีการนำศพไปขึ้นรถบรรทุกยีเอ็มซี เพื่อให้ญาตินำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา ที่วัดในปง ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง โดยมีกองเกียรติยศจากทหารค่าย ร.15 พัน 4 ต้อนรับศพอย่างสมเกียรติ
นางสำรวย เพชรราม อายุ 42 ปี มารดาของ พลทหารอนุวัฒน์ เปิดเผยว่า ตนมีบุตรด้วยกัน 2 คน โดยผู้ตายเป็นคนโตในจำนวนพี่น้อง 2 คน ซึ่งได้ผ่านการคัดเลือกทหารเมื่อเดือน เม.ย.53 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นถูกส่งไปประจำการณ์ที่ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้ประมาณ 7 เดือนแล้ว โดยในช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ ผู้ตายมักจะโทรศัพท์มาพูดคุยและเล่าเหตุการณ์ ที่ทหารมักจะถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบทำร้ายจนเสียชีวิตอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนก็ได้แต่ปลอบใจและให้กำลังใจลูกชาย ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ โดยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะอาจตกเป็นเป้าโจมตีของคนร้ายได้ ล่าสุดผู้ตายได้ใช้โอกาสช่วงที่ทางต้นสังกัดอนุญาตให้ลาพักผ่อน เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านอยู่กับครอบครัว และเพิ่งเดินทางกลับไปปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดจนเสียชีวิตดังกล่าว
“ทั้งนี้ หลังจากทราบข่าวก็รู้สึกช็อคและตกใจอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์อันเลวร้ายจะเกิดขึ้นกับลูกชายตน ซึ่งรวดเร็วมกกจนไม่สามารถทำใจยอมรับได้ ที่ต้องสูญเสียลูกชายคนโตที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่ขณะเดียวก็รู้สึกภูมิใจที่ในครั้งหนึ่งของชีวิตลูกชาย ได้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต”
นางสำรวยกล่าวอีกว่า ลูกชายเป็นความหวังเดียวของตน และนายสมปอง ผู้เป็นพ่อ ซึ่งที่ผ่านมามักจะนำเงินเดือนที่เก็บสะสมได้ส่งมาเลี้ยงครอบครัว และน้องสาว อายุ 15 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านหนองชุมแสง ล่าสุดเพิ่งจะส่งเงินมาให้ 30,000 บาท และทางบ้านได้สร้างบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งขณะนี้ใกล้เสร็จแล้ว เพื่อรอให้ลูกชายกลับมาอยู่บ้านช่วยครอบครัวทำมาหากิน แต่สุดท้ายลูกชายกลับต้องมาจบชีวิตก่อนวัยอันสมควร
เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 8 พ.ค.ที่ผ่านมาที่กองพันทหารราบที่ 4 กรมทหารราบที่ 15 (ร.15 พัน 4) ค่ายพระยารัษฎานุประดิษฐ์ ต.ลำภูรา อ.ห้วยยอด จ.ตรัง เฮลิคอปเตอร์ กองทัพบก ได้ลำเลียงเคลื่อนย้ายศพของ พลทหาร อนุวัฒน์ เพชรราม อายุ 21 ปี สังกัดค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ที่เสียชีวิตจากเหตุผู้ก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดจนเสียชีวิต ขณะกำลังนั่งรถหุ้มเกราะลาดตระเวนบนถนนสายจำปูน-เจาะลีมัด รอยต่อหมู่ที่ 4 บ้านเจาะลีมัด ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา จนมีพลทหารเสียชีวิตพร้อมกัน 3 นาย เหตุเกิดเมื่อเวลา 14.30 น.ของวันที่ 7 พ.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เมื่อศพของพลทหารอนุวัฒน์ เดินทางกลับถึงบ้านเกิดที่ จ.ตรัง นายไมตรี อินทุสุต ผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง พร้อมด้วย พ.อ.วรเดช เดชรักษา ผบ.ร.15 พัน 4 นายสาธร วงศ์หนองเตย ที่ปรึกษา รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ องค์การบริหารปกครองส่วนท้องถิ่น และประชาชนกว่า 200 คนได้มารอรับศพ ท่ามกลางบรรยากาศที่เศร้าสลด ซึ่งทันทีที่เฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบกลงจอด นางสำรวย พร้อมด้วย น.ส.นีรนุช ภรรยาและบุตรสาว พร้อมทั้งญาติๆ ต่างโผเข้ากอดกันร่ำไห้แทบขาดใจ ก่อนที่จะมีการนำศพไปขึ้นรถบรรทุกยีเอ็มซี เพื่อให้ญาตินำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลตามศาสนา ที่วัดในปง ต.อ่าวตง อ.วังวิเศษ จ.ตรัง โดยมีกองเกียรติยศจากทหารค่าย ร.15 พัน 4 ต้อนรับศพอย่างสมเกียรติ
นางสำรวย เพชรราม อายุ 42 ปี มารดาของ พลทหารอนุวัฒน์ เปิดเผยว่า ตนมีบุตรด้วยกัน 2 คน โดยผู้ตายเป็นคนโตในจำนวนพี่น้อง 2 คน ซึ่งได้ผ่านการคัดเลือกทหารเมื่อเดือน เม.ย.53 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นถูกส่งไปประจำการณ์ที่ค่ายสิรินธร อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ได้ประมาณ 7 เดือนแล้ว โดยในช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในพื้นที่ ผู้ตายมักจะโทรศัพท์มาพูดคุยและเล่าเหตุการณ์ ที่ทหารมักจะถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบทำร้ายจนเสียชีวิตอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนก็ได้แต่ปลอบใจและให้กำลังใจลูกชาย ให้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังอยู่เสมอ โดยหลีกเลี่ยงการเดินทางไปไหนมาไหนคนเดียว เพราะอาจตกเป็นเป้าโจมตีของคนร้ายได้ ล่าสุดผู้ตายได้ใช้โอกาสช่วงที่ทางต้นสังกัดอนุญาตให้ลาพักผ่อน เดินทางกลับมาเยี่ยมบ้านอยู่กับครอบครัว และเพิ่งเดินทางกลับไปปฏิบัติหน้าที่อีกครั้ง เมื่อวันที่ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนจะถูกกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบลอบวางระเบิดจนเสียชีวิตดังกล่าว
“ทั้งนี้ หลังจากทราบข่าวก็รู้สึกช็อคและตกใจอย่างมาก ไม่คาดคิดว่าเหตุการณ์อันเลวร้ายจะเกิดขึ้นกับลูกชายตน ซึ่งรวดเร็วมกกจนไม่สามารถทำใจยอมรับได้ ที่ต้องสูญเสียลูกชายคนโตที่เป็นเสาหลักของครอบครัวไปอย่างไม่มีวันกลับ แต่ขณะเดียวก็รู้สึกภูมิใจที่ในครั้งหนึ่งของชีวิตลูกชาย ได้ปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติจนวินาทีสุดท้ายของชีวิต”
นางสำรวยกล่าวอีกว่า ลูกชายเป็นความหวังเดียวของตน และนายสมปอง ผู้เป็นพ่อ ซึ่งที่ผ่านมามักจะนำเงินเดือนที่เก็บสะสมได้ส่งมาเลี้ยงครอบครัว และน้องสาว อายุ 15 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้น ม.3 โรงเรียนบ้านหนองชุมแสง ล่าสุดเพิ่งจะส่งเงินมาให้ 30,000 บาท และทางบ้านได้สร้างบ้านหลังเล็กๆ ซึ่งขณะนี้ใกล้เสร็จแล้ว เพื่อรอให้ลูกชายกลับมาอยู่บ้านช่วยครอบครัวทำมาหากิน แต่สุดท้ายลูกชายกลับต้องมาจบชีวิตก่อนวัยอันสมควร