ปัตตานี - ความคืบหน้าเหตุปะทะเจ้าหน้าที่ทหารกับกลุ่มคนร้ายในพื้นที่ตำบลปูโละปูโย เป็นเหตุเยาวชนถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดผู้บังคับการทหารพรานที่ 43 ยอมรับว่า ทหารพรานยิงจริงเพราะเข้าใจว่าเป็นคนร้าย เป็นเหตุให้ญาติกลุ่มชาวบ้านในพื้นที่ไม่พอใจกับการกระทำดังกล่าว ในขณะที่รอง ผกก.สภ.หนองจิก เผยคดียังเป็นเรื่องหนักใจซึ่งต้องอาศัยพยาน หลักฐาน เพื่อให้ความเป็นธรรมทั้ง 2 ฝ่าย
จากกรณีเมื่อคืนวันที่่ 18 เม.ย.เวลาประมาณ 20.30 น.ที่ผ่านมา คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบยิงลูกระเบิด M79 ยิงเข้าใส่ฐานปฏิบัติการทหารพราน 4302 จำนวน 3 ลูก ทำให้เกิดการปะทะกันระหว่างกลุ่มคนร้ายกับเจ้าหน้าที่ทหารพราน นำโดย รอ.วิโชติ หมวกเปี๊ยะ ผบ.ร้อยทหารพราน 4302 บริเวณสะพานถนนสายบ้านบ่อทอง-ยาบี บริเวณ ม.7 ต.ปูโละปูโย อ.หนองจิก เป็นเหตุเจ้าหน้าที่ อส.ทพ.ถูกยิงเสียชีวิต 1 นาย ในระหว่างนั่งรถยนต์กระบะเพื่อติดตามไล่ล่าคนร้ายที่ก่อเหตุ มีเยาวชนในพื้นที่ถูกยิงเสียชีวิตทันที 1 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีก 1 รายในเวลาต่อมาที่โรงพยาบาลอำเภอหนองจิก ได้แก่ นายอับดุลเลาะ แวเยะอายุ 19 ปี และ นายฮัสซัน มามะวัย 16 ปี จึงทำให้เจ้าหน้าที่ไม่กล้ายืนยันว่าเยาวชนที่ถูกยิงเป็นกระสุนปืนของฝ่ายใด เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในระหว่างปะทะกัน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 เม.ย.) พ.อ.ศานติ ศกุนตนาค ผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 43 ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวและยอมรับว่า เยาวชนทั้ง 2 คน ถูกเจ้าหน้าที่ทหารพรานยิงจริง เพราะเข้าใจว่าเป็นกลุ่มคนร้ายที่ก่อเหตุยิงปะทะกับเจ้าหน้าที่ และมั่นใจว่า เป็นคนร้ายจริงหลังจากตรวจพบมีลูกระเบิดชนิดขว้าง 1 ลูกที่ตกอยู่บริเวณจุดที่เยาวชนทั้งสองล้มลงจากรถจักรยานยนต์หลังจากถูกเจ้าหน้าที่ระดมยิงอย่างเต็มที่
ล่าสุด ญาติของผู้เสียชีวิตและชาวบ้านในพื้นที่ไม่พอใจอย่างมาก เพราะเยาวชนทั้งสองเป็นญาติกันและเป็นคนดี เป็นลูกกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเล็ก หลังจากที่พ่อถูกยิงเสียชีวิต ทุกวันผู้เสียชีวิต คือ นายฮัสซัน มามะ อายุ 16 ปี ทำอาชีพรับซ่อมรถจักรยานยนต์ เพื่อเป็นรายได้เลี้ยงแม่และครอบครัว ซึ่งทุกวันผู้ตายจะขี่รถจักรยานยนต์บนเส้นทางดังกล่าวเป็นประจำทุกวันออกจากบ้านแม่ที่เปิดเป็นร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ เพื่อมารับประทานอาหารค่ำที่บ้านของปู่ ซึ่งอยู่ห่างกันประมาณ 2 กิโลเมตร เพราะที่บ้านปู่ผู้ตายยังได้เลี้ยงปลาทับทิมในกระชังเพื่อเป็นรายได้เสริมของครอบครัวอีกด้วย จึงรับไม่ได้ที่ทางเจ้าหน้าที่กล่าวหาว่าฝ่ายเดียว หาว่าผู้ตายนั้นเป็นคนร้ายโดยเพียงแค่อ้างว่าพบระเบิด โดยที่ยังไม่ได้มีการพิสูจน์ที่มาของลูกระเบิดดังกล่าวว่ามาจากแหล่งใด
ส่วนบรรยากาศทั่วไปในพื้นที่ญาติและชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมในพื้นที่ฝังศพทั้งสองที่กุโบร์แห่งเดียวกันในพื้นที่ ม.4 ต.ลิปะสาโง อ.หนองจิก ท่ามกลางความโศกเศร้า และเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และได้มีประชาชนจากทั่วสารทิศได้เข้ามาเยี่ยมญาติครอบครัวผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างขวัญกำลังใจหลังจากต้องสูญเสียคนที่รัก
นางปาซียะห์ หะมูมะ อายุ 38 ปี มารดาของ นายฮัสซัน มามะวัย 16 ปี ที่ถูกทหารพรานยิงเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ ได้เล่านาทีระทึกขวัญว่า ก่อนเกิดเหตุลูกชายอยู่ที่บ้านซึ่งเปิดเป็นร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ที่หมู่บ้านค่าย ต.ปูโละปูโย ซึ่งห่างจากบ้านประมาณ 2 กม.แม่จึงได้อนุญาตให้ไป โดยมี นายอับดุลเลาะ แวเยะ อายุ 19 ปี (เป็นลูกพี่ ลูกน้อง) เป็นคนขับ ในระหว่างที่ลูกออกไปไม่นานได้เกิดเสียงปืนดังขึ้น จึงเป็นห่วงความปลอดภัยของลูก ได้หยิบโทรศัพท์มือถือโทร.หาลูกชายทันที แต่ นายอับดุลเลาะ รับสายแทน แล้วบอกว่าช่วยมารับผมด้วยผมถูกทหารยิงบริเวณสะพาน ได้ย้ำถึง 3 ครั้ง จึงรีบบอกว่า ใจเย็นไว้เดียวจะรีบไปรับ เพราะมีเสียงปืนดังขึ้นเป็นระยะๆ
นางปาซียะห์ ยังได้กล่าวว่า ช่วงเวลาดังกล่าวไม่รู้จะไปทำอย่างไรเพื่อสามารถหาทางผู้ที่ถูกยิง และยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าลูกชายถูกยิงได้เสียชีวิตแล้วในที่เกิดเหตุ จนกระทั่งใช้เวลาประมาณ 20 นาที กว่าจะสามารถประสานกับอาสาสมัครรักษาดินแดนเข้าไปรับตัวทั้งสองคนไปส่งโรงพยาบาล ถึงทราบว่า ลูกชายนั้นได้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุก่อนแล้ว
และเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นยากที่จะทำใจได้ เนื่องจากลูกต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่ยังเล็กอยู่มาก หลังจากถูกคนร้ายก่อเหตุยิงภายในร้านซ่อมรถจักรยานยนต์ จึงไม่คิดเลยว่าลูกชายต้องรีบด่วนจากไปจากการยิงของทหารพราน ที่อ้างว่า จะมาปกป้องดูแลความสงบเรียบร้อยให้กับประชาชนในพื้นที่ แต่ถึงเวลาจริงๆ แล้วกลับมายิงชาวบ้านเสียเอง แล้วสร้างพยานเท็จหาว่าลูกชายพกพาอาวุธระเบิด ทำไมไม่ใช้ปัญญาคิดบ้างไหมว่าวัยเพียง 16 ปี จะหาลูกระเบิดได้หรือ จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลคดี และให้ความเป็นธรรมให้ครอบครัวและให้กับสังคมที่นี่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (21 เม.ย.) เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบในบริเวณจุดเกิดเหตุปะทะพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน พบอาวุธปืนสงครามชนิดเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก ซึ่งพบว่ามีร่องรอยของการขูดเลขรหัสของอาวุธปืนถูกซุกซ่อนไว้บริเวณต้นกล้วยริมถนนห่างจากถนนเพียง 50 เมตร เช่นเดียวกันลูกระเบิดที่อ้างว่าพบบริเวณจุดที่เยาวชนทั้ง 2 ล้มรถ พบมีร่องรอยของการขูดเลขออกมาใหม่ๆ จึงสร้างความสงสัยให้กับเจ้าหน้าที่ที่ร่วมสังเกตเป็นอย่างมากว่าระเบิดลูกดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร
พ.ต.ท.วีราชาติ คูหามุข รองผกก.สภ.หนองจิก กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าของคดีเหตุยิงปะทะในครั้งนี้ พนักงานสอบสวน สภ.หนองจิก ยังไม่สามารถสรุปรูปของคดีได้เสร็จ เพราะเกิดความไม่ชัดเจนบางอย่าง จึงต้องรอผลการสอบสวนโดยเฉพาะการให้การของเจ้าหน้าที่ทหารพรานที่อยู่ในช่วงเกิดเหตุว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ซึ่งต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องที่หนักใจมากสำหรับพนักงานสอบสวนที่จะสรุปสำนวนคดีในลักษณะนี้ เพราะเกี่ยวข้องกับคนหลายฝ่าย คงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งเพื่อสามารถรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย