ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เขียงขายหมูสงขลา เงียบเหงา หลังราคาหมูทะลุ กก.ละ 140 บาท ทำให้ประชาชนซื้อหมูน้อยลง แม่ค้าขายหมูโวยฟาร์มหมูใหญ่ฉวยโอกาสขึ้นราคา วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมราคาหมู หากประชาชนเลิกกินหมู หันไปกินไก่กินปลาแทนฟาร์มเองก็จะเดือดร้อน
วันนี้ (19 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเลือกซื้อหมู ในตลาดทรัพย์สินพลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา บรรยากาศก็เป็นไปอย่างเงียบเหงา ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากราคาหมูที่มีการปรับราคาสูงขึ้น หมูขาดแคลน ฟาร์มใหญ่ฉวยโอกาสปรับราคาหมูเป็น โดยอ้างน้ำท่วม และหมูโตไม่ทันส่งผลให้หมูมีราคาแพงขึ้น แม่ค้าหมูและประชาชนเดือดร้อน เพราะแม่ค้าต้องขายเนื้อหมูแพงขึ้น ประชาชนผู้บริโภคก็ต้องซื้อหมูแพง
สำหรับราคาหมูปรับตัวสูงขึ้น เนื้อแดง กก.ละ 130 บาท ขึ้นเป็น 140 บาท เนื้อสัน ราคา กก.ละ 130 บาท ขึ้นเป็น 140 บาท เนื้อสามชั้น จากเดิม กก.ละ 120 บาท ขึ้นเป็น 140 บาท เนื้อติดมัน ราคา กก.ละ 120 บาท ขึ้นเป็น กก.ละ 130 บาท เป็นสาเหตุให้ประชาชนหันมาเลือกซื้อหมูไปรับประทานน้อยลง ทำให้ยอดจำหน่ายหมูที่แผงหมูมียอดจำหน่ายที่ลดลงกว่าร้อยละ 50 จากเดิมที่ประชาชนมาเลือกซื้อเนื้อหมูเป็นกิโลกรัม แต่ขณะนี้ประชาชนกลับมาซื้อแบบครึ่งกิโลกรัมหรือเป็นขีดแทนเพื่อประหยัดเงิน
ด้านนางอารีย์ สุขเอียด อายุ 63 ปี แม่ค้าขายหมูภายในตลาดทรัพย์สินพลาซ่าสงขลา กล่าวว่า หมูแพงมาก ฟาร์มหมูไม่มีหมูให้ลูกค้า เขาปรับราคาขึ้นตลอด ตอนนี้หมูเป็นราคา กก.ละ 74 บาท บวกค่าโสหุ้ยต่างๆ ก็ตก กก.ละ 80 บาท ไม่มีกำไรแล้ว ส่วนสาเหตุที่หมูแพงเขาอ้างว่า หมูไปกับน้ำหมด หมูโตไม่ทัน ฟาร์มใหญ่ๆ น้ำท่วมพาหมูไปหมด ที่เหลือมีแค่ซีพี บริษัทใหญ่อยู่เจ้าเดียว นอกจากนั้นเป็นบริษัทเล็กๆ ไม่พอกับคนกิน คนกินมากกว่าคนเลี้ยง
ในส่วนของลูกค้าก็ยังมีเหมือนเดิม แต่ในช่วงนี้โรงเรียนยังปิดอยู่ เลยไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ เมื่อโรงเรียนเปิดในเดือนหน้า หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ แม่ค้าก็เดือดร้อน คนกินก็เดือดร้อน หมูจะยิ่งแพงกว่านี้อีก ฝากถึงรัฐบาลทำอย่างไรอย่าให้พ่อค้าคนกลางขึ้นราคาหมูมากกว่านี้ ให้ราคาปรับลดลงหน่อยเดือดร้อนมากเลย โดยที่ฟาร์มขึ้นราคาโดยไม่เคยปรึกษาคนขาย อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล อย่าให้ฟาร์มใหญ่ปรับราคาหมูขึ้นมากเกินไป คนกินเดือดร้อน แม่ค้าก็เดือดร้อน และหากประชาชนเลิกกินหมู เพราะหมูแพง หันไปกินไก่กับปลาแทนฟาร์มเองก็จะเดือดร้อน
วันนี้ (19 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเลือกซื้อหมู ในตลาดทรัพย์สินพลาซ่า เขตเทศบาลนครสงขลา อ.เมือง จ.สงขลา บรรยากาศก็เป็นไปอย่างเงียบเหงา ทั้งนี้ สาเหตุหลักมาจากราคาหมูที่มีการปรับราคาสูงขึ้น หมูขาดแคลน ฟาร์มใหญ่ฉวยโอกาสปรับราคาหมูเป็น โดยอ้างน้ำท่วม และหมูโตไม่ทันส่งผลให้หมูมีราคาแพงขึ้น แม่ค้าหมูและประชาชนเดือดร้อน เพราะแม่ค้าต้องขายเนื้อหมูแพงขึ้น ประชาชนผู้บริโภคก็ต้องซื้อหมูแพง
สำหรับราคาหมูปรับตัวสูงขึ้น เนื้อแดง กก.ละ 130 บาท ขึ้นเป็น 140 บาท เนื้อสัน ราคา กก.ละ 130 บาท ขึ้นเป็น 140 บาท เนื้อสามชั้น จากเดิม กก.ละ 120 บาท ขึ้นเป็น 140 บาท เนื้อติดมัน ราคา กก.ละ 120 บาท ขึ้นเป็น กก.ละ 130 บาท เป็นสาเหตุให้ประชาชนหันมาเลือกซื้อหมูไปรับประทานน้อยลง ทำให้ยอดจำหน่ายหมูที่แผงหมูมียอดจำหน่ายที่ลดลงกว่าร้อยละ 50 จากเดิมที่ประชาชนมาเลือกซื้อเนื้อหมูเป็นกิโลกรัม แต่ขณะนี้ประชาชนกลับมาซื้อแบบครึ่งกิโลกรัมหรือเป็นขีดแทนเพื่อประหยัดเงิน
ด้านนางอารีย์ สุขเอียด อายุ 63 ปี แม่ค้าขายหมูภายในตลาดทรัพย์สินพลาซ่าสงขลา กล่าวว่า หมูแพงมาก ฟาร์มหมูไม่มีหมูให้ลูกค้า เขาปรับราคาขึ้นตลอด ตอนนี้หมูเป็นราคา กก.ละ 74 บาท บวกค่าโสหุ้ยต่างๆ ก็ตก กก.ละ 80 บาท ไม่มีกำไรแล้ว ส่วนสาเหตุที่หมูแพงเขาอ้างว่า หมูไปกับน้ำหมด หมูโตไม่ทัน ฟาร์มใหญ่ๆ น้ำท่วมพาหมูไปหมด ที่เหลือมีแค่ซีพี บริษัทใหญ่อยู่เจ้าเดียว นอกจากนั้นเป็นบริษัทเล็กๆ ไม่พอกับคนกิน คนกินมากกว่าคนเลี้ยง
ในส่วนของลูกค้าก็ยังมีเหมือนเดิม แต่ในช่วงนี้โรงเรียนยังปิดอยู่ เลยไม่เดือดร้อนเท่าไหร่ เมื่อโรงเรียนเปิดในเดือนหน้า หากสถานการณ์ยังเป็นเช่นนี้ แม่ค้าก็เดือดร้อน คนกินก็เดือดร้อน หมูจะยิ่งแพงกว่านี้อีก ฝากถึงรัฐบาลทำอย่างไรอย่าให้พ่อค้าคนกลางขึ้นราคาหมูมากกว่านี้ ให้ราคาปรับลดลงหน่อยเดือดร้อนมากเลย โดยที่ฟาร์มขึ้นราคาโดยไม่เคยปรึกษาคนขาย อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแล อย่าให้ฟาร์มใหญ่ปรับราคาหมูขึ้นมากเกินไป คนกินเดือดร้อน แม่ค้าก็เดือดร้อน และหากประชาชนเลิกกินหมู เพราะหมูแพง หันไปกินไก่กับปลาแทนฟาร์มเองก็จะเดือดร้อน