ตรัง - โรงงานส่งออกยางพาราในจังหวัดตรังหลายแห่งปิดตัวชั่วคราว หลังเกิดเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น และปัญหาความไม่สงบในตะวันออกกลาง ทำให้ยอดการสั่งซื้อจากประเทศรายใหญ่ชะงักชั่วคราว ซึ่งแต่ละโรงงานต่างแบกรับสต๊อกสินค้าที่มีอยู่อย่างเต็มพิกัดแต่ไม่สามารถระบายออกได้
โรงงานหลายแห่งในจังหวัดตรังได้ปิดรับซื้อยางพาราเป็นการชั่วคราว ทั้งโรงงานผลิตยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน และน้ำยางข้นส่งออกต่างประเทศ เนื่องจากราคายางพาราทั้งในและต่างประเทศลดต่ำลง จนขณะนี้เหลือเพียงกิโลกรัมละไม่ถึง 100 บาทเท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงปัญหาความไม่สงบในประเทศตะวันออกกลาง
ทำให้ลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ เช่น จีน ญี่ปุ่น มีการชะลอตัวรับซื้อ จึงทำให้โรงงานแปรรูปยางพาราแต่ละแห่งไม่สามารถกระจายสินค้าในสต๊อกเดิมออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ รวมทั้งยังต้องประสบปัญหาขาดทุนแล้วจำนวนหลายสิบล้านบาท ตลอดจนปัญหาแรงงานที่ขาดแคลน จนทำให้กระบวนการผลิตล่าช้า
ผู้ประกอบการส่งออกยางพารารายใหญ่แห่งหนึ่งของจังหวัดตรัง ระบุว่า ขณะนี้ราคายางพาราอยู่ในสภาพตลาดช็อก หลังจากมีการปรับขึ้นราคามาต่อเนื่องกว่า 2 ปี แต่จู่ๆ เพียงเวลาแค่ 2 สัปดาห์ กลับมีการปรับราคาลดลงมากกว่าครึ่ง ซึ่งมาจากหลายปัจจัย เช่น การหยุดรับซื้อของประเทศจีน ความไม่สงบในประเทศตะวันออกกลาง และที่สำคัญเมื่อเกิดเหตุการณ์สึนามิในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหลักของประเทศไทย ทำให้ตลาดกลางโตเกียว มีการชะลอการซื้อยางพารา ส่งผลให้แต่ละโรงงานมียางพาราสำเร็จรูปค้างอยู่ในสต๊อกเป็นจำนวนมาก คิดเป็นส่วนต่างของราคาที่หายไปไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
นอกจากนั้น แรงงานในโรงงานก็ขาดแคลนจึงทำให้การผลิตไม่ทัน จึงต้องมีการประกาศปิดรับซื้อยางแผ่น ยางก้อน เศษยางทุกชนิดไปก่อน โดยต้องรอดูสถานการณ์ของประเทศญี่ปุ่น และราคาตลาดยางพาราต่างประเทศวันต่อวัน คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (17 มีนาคม) หรือภายในสัปดาห์นี้ อาจมีการเปิดรับซื้อได้
พร้อมมองว่าราคายางจะลดต่ำลงอีก แต่เมื่อถึงจุดต้นทุนก็คงหยุด และคิดว่าคงไม่ต่ำลงไปถึงกิโลกรัมละ 18 บาท เหมือน 10-20 ปีก่อน ทั้งนี้ เพราะเมื่อราคายางพาราในตลาดกลางหายจากอาการช็อก คาดว่าคงมีการปรับตัวขึ้นเอง แต่จะให้กลับไปเป็นกิโลกรัมละ 180 บาท น่าจะเป็นไปได้ยากอย่างแน่นอน
โรงงานหลายแห่งในจังหวัดตรังได้ปิดรับซื้อยางพาราเป็นการชั่วคราว ทั้งโรงงานผลิตยางแท่ง ยางแผ่นรมควัน และน้ำยางข้นส่งออกต่างประเทศ เนื่องจากราคายางพาราทั้งในและต่างประเทศลดต่ำลง จนขณะนี้เหลือเพียงกิโลกรัมละไม่ถึง 100 บาทเท่านั้น ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่น รวมถึงปัญหาความไม่สงบในประเทศตะวันออกกลาง
ทำให้ลูกค้าต่างประเทศรายใหญ่ เช่น จีน ญี่ปุ่น มีการชะลอตัวรับซื้อ จึงทำให้โรงงานแปรรูปยางพาราแต่ละแห่งไม่สามารถกระจายสินค้าในสต๊อกเดิมออกสู่ตลาดต่างประเทศได้ รวมทั้งยังต้องประสบปัญหาขาดทุนแล้วจำนวนหลายสิบล้านบาท ตลอดจนปัญหาแรงงานที่ขาดแคลน จนทำให้กระบวนการผลิตล่าช้า
ผู้ประกอบการส่งออกยางพารารายใหญ่แห่งหนึ่งของจังหวัดตรัง ระบุว่า ขณะนี้ราคายางพาราอยู่ในสภาพตลาดช็อก หลังจากมีการปรับขึ้นราคามาต่อเนื่องกว่า 2 ปี แต่จู่ๆ เพียงเวลาแค่ 2 สัปดาห์ กลับมีการปรับราคาลดลงมากกว่าครึ่ง ซึ่งมาจากหลายปัจจัย เช่น การหยุดรับซื้อของประเทศจีน ความไม่สงบในประเทศตะวันออกกลาง และที่สำคัญเมื่อเกิดเหตุการณ์สึนามิในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดหลักของประเทศไทย ทำให้ตลาดกลางโตเกียว มีการชะลอการซื้อยางพารา ส่งผลให้แต่ละโรงงานมียางพาราสำเร็จรูปค้างอยู่ในสต๊อกเป็นจำนวนมาก คิดเป็นส่วนต่างของราคาที่หายไปไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท
นอกจากนั้น แรงงานในโรงงานก็ขาดแคลนจึงทำให้การผลิตไม่ทัน จึงต้องมีการประกาศปิดรับซื้อยางแผ่น ยางก้อน เศษยางทุกชนิดไปก่อน โดยต้องรอดูสถานการณ์ของประเทศญี่ปุ่น และราคาตลาดยางพาราต่างประเทศวันต่อวัน คาดว่าในวันพรุ่งนี้ (17 มีนาคม) หรือภายในสัปดาห์นี้ อาจมีการเปิดรับซื้อได้
พร้อมมองว่าราคายางจะลดต่ำลงอีก แต่เมื่อถึงจุดต้นทุนก็คงหยุด และคิดว่าคงไม่ต่ำลงไปถึงกิโลกรัมละ 18 บาท เหมือน 10-20 ปีก่อน ทั้งนี้ เพราะเมื่อราคายางพาราในตลาดกลางหายจากอาการช็อก คาดว่าคงมีการปรับตัวขึ้นเอง แต่จะให้กลับไปเป็นกิโลกรัมละ 180 บาท น่าจะเป็นไปได้ยากอย่างแน่นอน