กระบี่ - ชาวสวนยางช็อกแผ่นดินไหว สึนามิถล่มญี่ปุ่น ราคายางดิ่งลงเรื่อยๆ เหลือกิโลกรัมละ 95 บาท จากสึนามิในญี่ปุ่น อาหรับมีปัญหา
นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ เปิดเผยถึงสถานการณ์ยางพาราตกต่ำอย่างรุนแรงในช่วงนี้ ว่า สาเหตุหลักมาจากปัจจัยภายนอก ทั้งในเรื่องของความรุนแรงในประเทศแถบกลุ่มอาหรับ การเกิดสึนามิครั้งร้ายแรงในประเทศญี่ปุ่น และที่สำคัญพ่อค้ารายใหญ่ในประเทศจีนชะลอการซื้อยางพาราในประเทศไทย ทำให้พ่อค้ายางในประเทศไม่สามารถส่งออกได้ จึงรับซื้อยางจากเกษตรกรในราคาถูก ประกอบกับชาวสวนยางตกใจที่ราคาลดลงอย่างต่อเนื่องและรุนแรง ได้นำยางออกขายกันเป็นจำนวนมาก จึงฉุดให้ราคายางพาราตกต่ำอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
นายบุญส่ง กล่าวว่า ราคายางพาราแผ่นดิบได้ขยับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2553 และขึ้นสูงสุดเมื่อประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2554 อยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 170 กว่าบาท และเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 54เดือนเดียวกันเป็นต้นมา ราคายางก็ได้ขยับลงมาอย่างต่อเนื่องวันละนับสิบบาทต่อกิโลกรัม จนราคาปัจจุบันนี้เหลือประมาณ 95 บาทต่อกิโลกรัม และมีแนวโน้มจะลดลงอีก ซึ่งทำให้เกษตรกรชาวสวนยางถึงกับช๊อคกับราคายางพาราที่ตกลงอย่างน่าใจหาย ผิดจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ทุกฝ่ายมองว่าราคาน่าจะพุ่งแตะถึง 200 บาทต่อกิโกลรัม
“หลังจากที่ราคายางตกต่ำลดลงเป็นอย่างมากในครั้งนี้เชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับเกษตรกรชาวสวนยางแน่นอน เนื่องจากเกษตรกรหลายรายมองว่าราคาพารายังคงสูงต่อไปอีกโดยไม่คาดคิดว่าราคาจะตกลงเร็ว เพียงไม่ถึง 1 เดือนราคาลดลงอย่างน่าใจหายอย่างไม่เคยเกิดขึ้น จึงได้ไปสร้างภาระหนี้สินผูกพันไว้จำนวนมาก ทั้งการซื้อรถ หรือสิ่งของที่ตัวเองต้องการ ประกอบกับในช่วงนี้เกษตรกรหยุดกรีดยาง เชื่อว่าในไม่ช้าเงินทุนที่สะสมไว้ต้องถูกใช้ไปจนหมดอย่างแน่นอน หากว่ารัฐบาลไม่รีบเข้ามาดูแลก็จะส่งผลกระทบกับชาวสวนยางในระยะยาวอย่างแน่นอน”
นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนได้เตือนเกษตรกรชาวสวนยางพาราอยู่ตลอดว่าราคาพาราเป็นราคาสินค้าที่ไม่แน่นอน ราคายางต้องพึ่งปัจจัยภายนอกทั้งสิ้นในการขึ้นหรือลง ขอให้จับจ่ายกันอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อราคาตกลงมาอย่างรวดเร็วอย่างนี้เชื่อว่าเกษตรกรไม่ทันตั้งตัวอย่างแน่นอน ทางเดียวที่จะช่วยเหลือความเดือดร้อนเกษตรกรได้ก็คือทางรัฐบาลต้องรีบเข้ามาดูแลราคายางอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้ราคายางตกลงไปมากกว่านี้
นายบุญส่ง นับทอง นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ เปิดเผยถึงสถานการณ์ยางพาราตกต่ำอย่างรุนแรงในช่วงนี้ ว่า สาเหตุหลักมาจากปัจจัยภายนอก ทั้งในเรื่องของความรุนแรงในประเทศแถบกลุ่มอาหรับ การเกิดสึนามิครั้งร้ายแรงในประเทศญี่ปุ่น และที่สำคัญพ่อค้ารายใหญ่ในประเทศจีนชะลอการซื้อยางพาราในประเทศไทย ทำให้พ่อค้ายางในประเทศไม่สามารถส่งออกได้ จึงรับซื้อยางจากเกษตรกรในราคาถูก ประกอบกับชาวสวนยางตกใจที่ราคาลดลงอย่างต่อเนื่องและรุนแรง ได้นำยางออกขายกันเป็นจำนวนมาก จึงฉุดให้ราคายางพาราตกต่ำอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
นายบุญส่ง กล่าวว่า ราคายางพาราแผ่นดิบได้ขยับตัวสูงขึ้นมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2553 และขึ้นสูงสุดเมื่อประมาณกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2554 อยู่ที่กิโลกรัมละประมาณ 170 กว่าบาท และเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 54เดือนเดียวกันเป็นต้นมา ราคายางก็ได้ขยับลงมาอย่างต่อเนื่องวันละนับสิบบาทต่อกิโลกรัม จนราคาปัจจุบันนี้เหลือประมาณ 95 บาทต่อกิโลกรัม และมีแนวโน้มจะลดลงอีก ซึ่งทำให้เกษตรกรชาวสวนยางถึงกับช๊อคกับราคายางพาราที่ตกลงอย่างน่าใจหาย ผิดจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ทุกฝ่ายมองว่าราคาน่าจะพุ่งแตะถึง 200 บาทต่อกิโกลรัม
“หลังจากที่ราคายางตกต่ำลดลงเป็นอย่างมากในครั้งนี้เชื่อว่าจะส่งผลกระทบกับเกษตรกรชาวสวนยางแน่นอน เนื่องจากเกษตรกรหลายรายมองว่าราคาพารายังคงสูงต่อไปอีกโดยไม่คาดคิดว่าราคาจะตกลงเร็ว เพียงไม่ถึง 1 เดือนราคาลดลงอย่างน่าใจหายอย่างไม่เคยเกิดขึ้น จึงได้ไปสร้างภาระหนี้สินผูกพันไว้จำนวนมาก ทั้งการซื้อรถ หรือสิ่งของที่ตัวเองต้องการ ประกอบกับในช่วงนี้เกษตรกรหยุดกรีดยาง เชื่อว่าในไม่ช้าเงินทุนที่สะสมไว้ต้องถูกใช้ไปจนหมดอย่างแน่นอน หากว่ารัฐบาลไม่รีบเข้ามาดูแลก็จะส่งผลกระทบกับชาวสวนยางในระยะยาวอย่างแน่นอน”
นายกสมาคมชาวสวนยางจังหวัดกระบี่ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนได้เตือนเกษตรกรชาวสวนยางพาราอยู่ตลอดว่าราคาพาราเป็นราคาสินค้าที่ไม่แน่นอน ราคายางต้องพึ่งปัจจัยภายนอกทั้งสิ้นในการขึ้นหรือลง ขอให้จับจ่ายกันอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อราคาตกลงมาอย่างรวดเร็วอย่างนี้เชื่อว่าเกษตรกรไม่ทันตั้งตัวอย่างแน่นอน ทางเดียวที่จะช่วยเหลือความเดือดร้อนเกษตรกรได้ก็คือทางรัฐบาลต้องรีบเข้ามาดูแลราคายางอย่างเร่งด่วนเพื่อไม่ให้ราคายางตกลงไปมากกว่านี้