กระบี่ - เกษตรกรให้ความสนใจปลูกปาล์มพันธ์ใหม่ทนแล้ง และให้ผลผลิตสูง 5 ตัน/ไร่/ปี หลังปริมาณความต้องการน้ำมันปาล์มสูงขึ้นจนขาดตลาด
นายจรุง ศรีศรัทธา อายุ 51 ปี อ.ปลายพระยา เกษตรกรจังหวัดในกระบี่ ผู้ปลูกปาล์มมานานกว่าค่อนชีวิต กล่าวว่า สาเหตุหนึ่งของปัญหาน้ำมันปาล์มขาดตลาดขณะนี้คือ ผลผลิตที่ไม่สามารถออกมาสู่ตลาดได้เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งอาจเกิดจากพันธุ์ปาล์มที่ไม่มีคุณภาพเพียงพอ และได้ลองผิดลองถูกด้วยตัวเอง
ในการเลือกพันธุ์ปาล์มซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด เพราะสภาพอากาศที่เปลี่ยนไปแม้จะปลูกในพื้นที่เดิมก็อาจทำให้ผลผลิตอาจลดลง หลังจากได้ทดลองปลูกอยู่หลายพันธุ์ทั้งพันธุ์จากในประเทศและต่างประเทศ พบว่าพันธุ์ปาล์มโกลเด้นเทเนรา เป็นพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศพื้นที่ในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการทนแล้งได้นาน และมีอายุยืนยาวถึง 25 ปี
“ผมทดลองปลูกมาหลายพันธุ์แล้ว เกษตรกรเราต้องการพันธุ์ปาล์มที่ได้ผลให้ทะลายเยอะๆ และทนแล้ง ซึ่งสุดท้ายก็ได้พันธุ์ปาล์มซีพีเทเนร่าพันธุ์ที่ผมพอใจ”
นายเอนก ลิ่มศรีวิลัย นักวิจัยและพัฒนาปาล์มที่เป็นที่ยอมรับในจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า พันธุ์ปาล์มโกลเดนเทเนราเป็นการวิจัยปรับปรุงพันธุ์จากการคัดเลือกแม่พันธุ์ดูราที่ให้ผลผลิตสูงมาผสมกับพันธุ์พิสิเฟอรา จนได้พันธุ์ปาล์มดังกล่าวที่ให้ผลผลิตสูงถึง 18 ทะลายต่อต้นต่อปี มีเปอร์เซ็นต์น้ำมันสูงกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ และให้ผลผลิตมากกว่า 5 ตันต่อไร่ต่อปี ลำต้นเตี้ยและทนแล้งได้นานถึง 90 วัน
นอกจากปัจจัยสำคัญเรื่องการเลือกพันธุ์ปาล์มแล้ว สิ่งสำคัญอีกประการคือ การดูแลเอาใจใส่ในการปลูกระยะแรกของเกษตรกรทั้งในเรื่องการใส่ปุ๋ย ให้น้ำ รวมถึงการสังเกตุลักษณะของดินที่ต้องมีความเหมาะสมของปาล์มแต่ละชนิดด้วย
นายเอกชัย ตั้งจารุกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บ.เจริญโภคภัณฑ์เมล็ดพันธุ์ กล่าวในการบรรยายเรื่องทิศทางการส่งเสริมการปลูกปาล์มน้ำมันแก่เกษตรกรว่า บริษัทฯ ได้ส่งเสริมและสนับสนุนให้นักวิจัยคิดค้นพันธุ์ปาล์มที่เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศของประเทศ ตลอดจนโรคแมลงศัตรูพืช ซึ่งท้ายที่สุดจะเป็นทางเลือกให้กับเกษตรกรของบ้านเรา
ปัจจุบันเกษตรกรสวนปาล์มในจังหวัดกระบี่และอีกหลายแห่งได้เริ่มหันมาให้ความสนใจเลือกพันธุ์ปาล์มที่จะปลูกมากขึ้น เพื่อให้ผลผลิตที่คุ้มค่าต่อการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องของเปอร์เซ็นต์น้ำมัน ซึ่งจะส่งผลต่อปริมาณน้ำมันปาล์มที่จะออกสู่ตลาดต่อไปในอนาคต