ปัตตานี - มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ประณามคนร้ายเหตุการณ์คาร์บอมบ์เมืองยะลา พร้อมเสนอให้มีมาตรการเข้มงวดตรวจสอบรถไม่มีทะเบียน ควบคุมอาวุธและแหล่งที่มาสารระเบิด
นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ เจ้าหน้าที่มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ หน้าบริเวณหน้าร้านค้าขนมเบเกอรี่ บนถนนนครหลวง เยื้องกับธนาคารนครหลวงไทย สาขาเมืองยะลา แรงระเบิดและถังน้ำมันที่คนร้ายตระเตรียมไว้ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้อาคารไม้เก่าในบริเวณใกล้เคียง สร้างความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินเป็นวงกว้างทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้บ้านเรือนใกล้จุดเกิดเหตุอย่างน้อย 12 หลัง และมีเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจบาดเจ็บรวม 4 รายและประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 14 ราย
มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอประณามการก่อเหตุร้าย โหดร้าย มุ่งประสงค์ต่อผู้บริสุทธิ์ และสร้างความเสียหายต่อสาธารณะ และขอให้ผู้ก่อเหตุร้ายยุติการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ที่สร้างความหวาดกลัวและความไม่ปลอดภัยต่อสาธารณชน
“เราขอแสดงความเสียใจต่อผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับความเสียหายจากความรุนแรงดังกล่าว แม้จะการให้ความช่วยเหลือต่อผู้ประสบภัยอย่างมีประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเหมาะสม ซึ่งเป็นการเยียวยาความเสียหายและความรู้สึกทางจิตใจของผู้ประสบเหตุได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี รัฐก็มีภาระหน้าที่ในการปรับปรุงแก้ไขมาตรการความปลอดภัย ให้มีมาตรฐานสร้างความน่าเชื่อถือต่อสาธารณชนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์ความขัดแย้งทางอาวุธที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มีแนวโน้มในการใช้วัตถุระเบิดที่มีอนุภาพรุนแรงและมีความถี่ของการก่อเหตุบ่อยครั้งขึ้น”
นางสาวพรเพ็ญ กล่าวอีกว่า มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมและมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ สืบสวนสอบสวนนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และด้วยวิธีการที่เคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน รวมทั้งกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยปละละเลยให้มีการใช้รถที่ไม่มีทะเบียนรถ ซึ่งแต่เดิมชาวบ้านเข้าใจว่า เป็นยานพาหนะของเจ้าหน้าที่ หรืองดเว้นการตรวจค้น คนร้ายอาจนำช่องโหว่นี้สวมรอยประกอบอาชญากรรมได้โดยง่าย
หรือการปล่อยปละละเลยกรณีให้มีการขายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดขวด โดยผู้ค้ารายย่อยที่ไม่ได้รับอนุญาต ทั้งอาจหมายถึงการขายน้ำมันที่ลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย น้ำมันเชื้อเพลิงบรรจุขวดอาจถูกใช้เป็นชนวนในการสร้างสถานการณ์ เผาทำลายทรัพย์สินได้โดยง่ายเช่นเดียวกัน
อีกทั้งหน่วยงานในพื้นที่ควรจัดให้มีการอบรมให้ประชาชน เรื่อง การสังเกตวัตถุต้องสงสัย วัตถุระเบิด การป้องกันเมื่อพบวัตถุต้องสงสัย การค้นหาระเบิดเบื้องต้น การบัญชาการสถานการณ์ที่มีประสิทธิภาพ และการประสานงาน รวมทั้งการป้องกันและการลดอันตรายในการช่วยผู้บาดเจ็บในเหตุลอบวางระเบิด และการแนะนำการใช้อุปกรณ์ป้องกัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ประสบเหตุ และผู้เข้าช่วยเหลือมากที่สุด
นางสาวพรเพ็ญ คงขจรเกียรติ เจ้าหน้าที่มูลนิธิผสานวัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากกรณีที่เกิดเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ หน้าบริเวณหน้าร้านค้าขนมเบเกอรี่ บนถนนนครหลวง เยื้องกับธนาคารนครหลวงไทย สาขาเมืองยะลา แรงระเบิดและถังน้ำมันที่คนร้ายตระเตรียมไว้ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้อาคารไม้เก่าในบริเวณใกล้เคียง สร้างความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินเป็นวงกว้างทำให้เกิดเพลิงลุกไหม้บ้านเรือนใกล้จุดเกิดเหตุอย่างน้อย 12 หลัง และมีเจ้าหน้าที่ทหารตำรวจบาดเจ็บรวม 4 รายและประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 14 ราย
มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิม และมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอประณามการก่อเหตุร้าย โหดร้าย มุ่งประสงค์ต่อผู้บริสุทธิ์ และสร้างความเสียหายต่อสาธารณะ และขอให้ผู้ก่อเหตุร้ายยุติการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ที่สร้างความหวาดกลัวและความไม่ปลอดภัยต่อสาธารณชน
“เราขอแสดงความเสียใจต่อผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับความเสียหายจากความรุนแรงดังกล่าว แม้จะการให้ความช่วยเหลือต่อผู้ประสบภัยอย่างมีประสิทธิภาพที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และเหมาะสม ซึ่งเป็นการเยียวยาความเสียหายและความรู้สึกทางจิตใจของผู้ประสบเหตุได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ดี รัฐก็มีภาระหน้าที่ในการปรับปรุงแก้ไขมาตรการความปลอดภัย ให้มีมาตรฐานสร้างความน่าเชื่อถือต่อสาธารณชนโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในสถานการณ์ความขัดแย้งทางอาวุธที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้ มีแนวโน้มในการใช้วัตถุระเบิดที่มีอนุภาพรุนแรงและมีความถี่ของการก่อเหตุบ่อยครั้งขึ้น”
นางสาวพรเพ็ญ กล่าวอีกว่า มูลนิธิศูนย์ทนายความมุสลิมและมูลนิธิผสานวัฒนธรรม ขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ สืบสวนสอบสวนนำคนผิดมาลงโทษตามกฎหมาย และด้วยวิธีการที่เคารพต่อหลักสิทธิมนุษยชน รวมทั้งกำหนดมาตรการด้านความปลอดภัยที่เข้มงวด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปล่อยปละละเลยให้มีการใช้รถที่ไม่มีทะเบียนรถ ซึ่งแต่เดิมชาวบ้านเข้าใจว่า เป็นยานพาหนะของเจ้าหน้าที่ หรืองดเว้นการตรวจค้น คนร้ายอาจนำช่องโหว่นี้สวมรอยประกอบอาชญากรรมได้โดยง่าย
หรือการปล่อยปละละเลยกรณีให้มีการขายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดขวด โดยผู้ค้ารายย่อยที่ไม่ได้รับอนุญาต ทั้งอาจหมายถึงการขายน้ำมันที่ลักลอบนำเข้าอย่างผิดกฎหมาย น้ำมันเชื้อเพลิงบรรจุขวดอาจถูกใช้เป็นชนวนในการสร้างสถานการณ์ เผาทำลายทรัพย์สินได้โดยง่ายเช่นเดียวกัน
อีกทั้งหน่วยงานในพื้นที่ควรจัดให้มีการอบรมให้ประชาชน เรื่อง การสังเกตวัตถุต้องสงสัย วัตถุระเบิด การป้องกันเมื่อพบวัตถุต้องสงสัย การค้นหาระเบิดเบื้องต้น การบัญชาการสถานการณ์ที่มีประสิทธิภาพ และการประสานงาน รวมทั้งการป้องกันและการลดอันตรายในการช่วยผู้บาดเจ็บในเหตุลอบวางระเบิด และการแนะนำการใช้อุปกรณ์ป้องกัน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่ผู้ประสบเหตุ และผู้เข้าช่วยเหลือมากที่สุด