ตรัง - 2 คนร้ายวัยรุ่นชายหญิง กระชากสร้อยคอทองคำ พร้อมพระเลี่ยมทอง หนัก 5 บาท มูลค่ากว่า 1 แสนบาท ขณะแม่เฒ่ากำลังยืนรอรถตู้โดยสาร อยู่ที่หน้าบ้านของตนเอง แล้วหลบหนีไปอย่างลอยนวล
วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.วิชิต ทองรุ่ง สารวัตรเวรสอบสวน สภ.บ้านคลองเต็ง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ได้รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ที่ริมถนนสายคลองเต็ง-เขาวิเศษ หมู่ที่ 2 ตำบลนาท่ามเหนือ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพย์พงศ์ รอง ผบก.ภ.ตรัง รีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พบผู้เสียหายคือ นางวัลลีย์ ทองรักษ์ อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ที่ 2 ตำบลนาท่ามเหนือ อำเภอเมืองตรัง
โดยให้การว่า ขณะที่ตนเองกำลังมายืนรอรถตู้โดยสาร สายหาดใหญ่-ภูเก็ต ที่บริเวณหน้าบ้าน ได้มีคนร้าย 2 คน เป็นวัยรุ่นชาย-หญิง อายุประมาณ 18-20 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน แล้วทำทีจอดรถหยุดคุยโทรศัพท์ ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจอะไร ก่อนที่คนร้ายที่วัยรุ่นชาย ได้เดินตรงเข้ามาหาตน แล้วพยายามกระชากสร้อยคอที่สวมใส่อยู่ แม้ผู้เสียหายจะต่อสู้ขัดขืน แต่ก็ไม่สำเร็จ
ซึ่งคนร้ายสามารถกระชากสร้อยคอทองคำ หนัก 5 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองคำ หนัก 2 บาท รวมมูลค่าประมาณ 1 แสนบาท หลบหนีไปได้สำเร็จ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสกัดตามเส้นทางต่างๆ แต่ก็ไร้ร่องรอย เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายทั้งคู่อาจจะเป็นวัยรุ่นในพื้นที่ โดยลงมือเพื่อหาเงินไปใช้เที่ยวเตร่และซื้อหายาเสพติดไว้เสพ แต่บังเอิญมาพบกับผู้เสียหายกำลังอยู่เพียงลำพัง จึงได้ลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ดังกล่าว
วันนี้ (9 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.วิชิต ทองรุ่ง สารวัตรเวรสอบสวน สภ.บ้านคลองเต็ง อำเภอเมือง จังหวัดตรัง ได้รับแจ้งเหตุชิงทรัพย์ที่ริมถนนสายคลองเต็ง-เขาวิเศษ หมู่ที่ 2 ตำบลนาท่ามเหนือ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.ธรรมนูญ ไตรทิพย์พงศ์ รอง ผบก.ภ.ตรัง รีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พบผู้เสียหายคือ นางวัลลีย์ ทองรักษ์ อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 104 หมู่ที่ 2 ตำบลนาท่ามเหนือ อำเภอเมืองตรัง
โดยให้การว่า ขณะที่ตนเองกำลังมายืนรอรถตู้โดยสาร สายหาดใหญ่-ภูเก็ต ที่บริเวณหน้าบ้าน ได้มีคนร้าย 2 คน เป็นวัยรุ่นชาย-หญิง อายุประมาณ 18-20 ปี ขับขี่รถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีดำ ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน แล้วทำทีจอดรถหยุดคุยโทรศัพท์ ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจอะไร ก่อนที่คนร้ายที่วัยรุ่นชาย ได้เดินตรงเข้ามาหาตน แล้วพยายามกระชากสร้อยคอที่สวมใส่อยู่ แม้ผู้เสียหายจะต่อสู้ขัดขืน แต่ก็ไม่สำเร็จ
ซึ่งคนร้ายสามารถกระชากสร้อยคอทองคำ หนัก 5 บาท พร้อมพระเลี่ยมทองคำ หนัก 2 บาท รวมมูลค่าประมาณ 1 แสนบาท หลบหนีไปได้สำเร็จ ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้วิทยุสกัดตามเส้นทางต่างๆ แต่ก็ไร้ร่องรอย เบื้องต้นคาดว่าคนร้ายทั้งคู่อาจจะเป็นวัยรุ่นในพื้นที่ โดยลงมือเพื่อหาเงินไปใช้เที่ยวเตร่และซื้อหายาเสพติดไว้เสพ แต่บังเอิญมาพบกับผู้เสียหายกำลังอยู่เพียงลำพัง จึงได้ลงมือก่อเหตุชิงทรัพย์ดังกล่าว