เปิดโผเที่ยวต่างแดน “มาเลย์-สิงคโปร์” ครองใจชาวใต้

รายงาน

ช่วงตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จนถึงเทศกาลปีใหม่ และต่อเนื่องจนถึงเทศกาลตรุษจีน การเดินทางท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศของคนในภาคใต้ ยังมีความคึกคักต่อเนื่อง แม้ปีที่ผ่านมาจะต้องเผชิญกับวิกฤตการเมืองและปัญหาน้ำท่วมหนักในหลายพื้นที่ ผู้ประกอบการท่องเที่ยวต่างประเทศในอ.หาดใหญ่ ต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ธุรกิจท่องเที่ยวยังได้รับความนิยมสูง ซึ่งประเทศที่มีคนซื้อแพกเกจท่องเที่ยวมาก คือ ประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ โดยเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ปี 2538 เป็นต้นมา

นายกิตติรักษ์ เรืองประดิษฐ์ ผู้บริหารบริษัทเงือกทองทัวร์ ซึ่งเปิดให้บริการท่องเที่ยวต่างแดนมาแล้วถึง 18 ปี กล่าวว่า ช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ และเทศกาลต่างๆ จะมีลูกค้าทุกเพศทุกวัยนิยมเดินทางท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ไม่น้อยไปกว่าช่วงปิดภาคเรียน โดยค่าใช้จ่ายเที่ยวต่างประเทศในปัจจุบันไม่สูงเหมือนอดีต ทำให้ยอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี เพราะสามารถเดินทางได้ทั้งปี ปีที่ผ่านมามียอดเพิ่มขึ้นถึง 15% เนื่องจากเงือกทองทัวร์มีการจัดแพกเกจราคาประหยัด คุ้มค่ามากมาย

ส่วนในปี 2554 ยังมีทริปสุดคุ้มอีกมากมาย เช่น มาเก๊า-ฮ่องกง-ดิสนีย์-จูไห่ 5 วัน 4 คืน เพียง 24,900 บาท และต้อนรับเทศกาลตรุษจีนเที่ยว 5 เมือง ได้แก่ เซี่ยงไฮ้ หังโจว ซูโจว อู๋ซี และนานกิง ในราคาสุดประหยัดเพียง 16,900 บาท และอีกประเทศหนึ่งที่น่าสนใจในการท่องเที่ยวที่เด่นในเรื่องของวัฒนธรรม ก็คือสปป.ลาว ประเทศที่เหมาะแก่การเข้าร่วมประเพณีทำบุญตักบาตรและท่องเที่ยวประเพณีอันดีงามเมืองพุทธ ทัวร์ 8 วัน 7 คืน ในราคาพิเศษ 10,900 บาท

“เรามีความชำนาญในเส้นทางท่องเที่ยวทั้งเอเชีย ซึ่งมีลูกค้ามาเที่ยวมาเลเซีย สิงคโปร์มากที่สุด 80% ถือเป็นเจ้าตลาดของเส้นทางนี้ และยังมีเส้นทางวงแหวนรอบนอก ได้แก่ ทวีปยุโรป อิตาลี ฝรั่งเศส สวิสเซอร์แลนด์ และทวีปออสเตรเลีย โดยในปี 2554 จะเน้นการขายแพกเกจทัวร์ผ่านหน้าร้านทั้ง 4 สาขา คือ จ.นครศรีธรรมราช ตรัง หาดใหญ่ และ กรุงเทพฯ เพื่อรองรับลูกค้าทั้งภาคกลางและภาคใต้” นายกิตติรักษ์กล่าว

ด้านนายศรัณย์ จันทร์เจริญ ผู้จัดการทั่วไปบริษัท หาดใหญ่ เจอร์นี่ ทัวร์ จำกัด กล่าวว่า ตลอดเวลาที่เปิดบริการนำเที่ยวมา 9 ปี เส้นทางท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องต้องยกให้แก่ มาเลเซีย และสิงคโปร์ ทำให้บริษัทเห็นโอกาสของการนำนักท่องเที่ยวไทยไปต่างแดนที่มีมากถึง 60% ส่วนชาวต่างชาติที่เข้ามาไทยมีเพียง 40% โดยมีทั้งจัดทริปนำเสนอลูกค้า และในกลุ่มลูกค้าเสนอตามความต้องการตามงบประมาณที่มีอยู่

“บริษัทมีนโยบายในการทำธุรกิจว่า ท่องเที่ยวอย่างสนุก ประหยัดและปลอดภัย ให้เราไปเป็นเพื่อนคุณ โดยราคาทัวร์ในแต่ละทริปยังคงไม่เพิ่มขึ้นจาก 3 ปีก่อนมากนัก เนื่องจากว่ากลุ่มลูกค้าจะดูราคาเป็นหลัก โดยกลุ่มลูกค้าตั้งแต่วัยเด็ก วัยเกษียณตลอดจนวัยทำงานและกลุ่มนักศึกษาที่จัดกิจกรรมในช่วงปิดภาคเรียนและการปฐมนิเทศ ทั้งจาก จ.สงขลา ภูเก็ต กระบี่ สุราษฎร์ธานี และด้วยการบริการที่ดีนั้นทำให้เกิดการบอกต่อและกลับมาใช้บริการอีก จึงไม่ค่อยเน้นการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ” นายศรัณย์กล่าว

ด้านนางสาวพนัสนันท์ พรหมเย็น กรรมการผู้จัดการบริษัท แฮปปี้ ไทม์ ทัวร์ กล่าวว่า แม้จะเป็นบริษัทน้องใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวเพียง 3 เดือน แต่สามารถนำประสบการณ์ในธุรกิจท่องเที่ยวมาปรับกลยุทธ์การทำงานจนมีลูกค้ากว่า 300 คน โดยจากเดิมเดินทางไปมาเลเซียต่อมาเพิ่มโปรแกรมสิงคโปร์เนื่องจากใช้เวลาเดินทางเพิ่มไม่กี่ชั่วโมงก็ข้ามไปยังอีกประเทศหนึ่งได้ จึงครองตลาดประมาณ 70%

บริษัทนำเที่ยวต่างแดนขนาดใหญ่ของ อ.หาดใหญ่ ซึ่งคร่ำหวอดในการนำทัวร์ทั้งเอเชียและยุโรปนานกว่า 32 ปี มีสำนักงานอยู่ที่หาดใหญ่ ภูเก็ต และสิงคโปร์ มองว่าภาวะท่องเที่ยวต่างแดนในปีนี้จะเติบโตขึ้นมากกว่า 10% หากไม่ประสบเหตุภัยธรรมชาติทั้งไทยและยุโรป

นายพิชิต บุญพาล้ำเลิศ ผู้บริหารบริษัท ซันนี่ ทัวร์ ซึ่งให้บริการทั้งภายในและภายนอกประเทศกล่าวว่า สาเหตุที่ไม่เน้นให้บริการนำเที่ยวภายในประเทศเนื่องจากมีจุดขายน้อย และไม่มีการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว หรือการเชื่อมโยงเครือข่ายแม้ว่าจะมีวัตถุดิบทางการท่องเที่ยวเยอะก็ตาม แต่การเดินทางไปเพื่อนบ้านนั้นได้เรียนรู้วิถีชีวิต วัฒนธรรม และแหล่งท่องเที่ยวที่มีการพัฒนาดึงดูดความสนใจอยู่เสมอ และสามารถเชื่อมโยงข้ามประเทศได้

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวของคนในภาคใต้ที่เดินทางไปต่างประเทศ ปัจจัยหลักจะอยู่ที่เศรษฐกิจ ทั้งราคาผลผลิตทางการเกษตร ประมง และส่งออก แต่เรื่องการเมืองกลับส่งผลน้อย ทว่าในปีนี้ผลกระทบหนักคือเหตุภัยพิบัติทางธรรมชาติเป็นอุปสรรคหนักในการท่องเที่ยวต่างแดน ทั้งเหตุการณ์น้ำท่วมหาดใหญ่เมื่อวันที่ 1-3 พ.ย.ที่ผ่านมา ทำให้สำนักงานเสียหายกว่า 2 ล้านบาท และอยู่ระหว่างการซ่อมแซมซึ่งคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์รับปีใหม่จีน

แม้เหตุน้ำท่วมไม่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวภาพรวมในปีนี้ แต่จะทำให้นักท่องเที่ยวไม่เดินทางในห้วงต.ค.-พ.ย. ในปีหน้าและต่อไปอีกจนกว่าจะลืม เพราะหวั่นจะเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเกิดน้ำท่วมบ้านเรือนตัวเองขึ้นอีกครั้ง เช่นเดียวกับภัยธรรมชาติโซนยุโรปก็มีหิมะตกมากที่สุดในรอบ 20-30 ปี และการเกิดพายุพัดถล่ม ทำให้สายการบินหยุดให้บริการชั่วคราวและภาวะอากาศไม่เอื้ออำนวยต่อการท่องเที่ยว แต่ในปีนี้ซันนี่ทัวร์ก็จะรุกทำตลาดต่างแดน โดยเดินทางไปต่างประเทศ เช่น อังกฤษ สก็อตแลนด์ เพื่อดูสถานที่ท่องเที่ยวและนำมาเสริมเข้ากับโปรแกรมเส้นทางใหม่ๆ

“ซันนี่ทัวร์จะทำกรุ๊ปทัวร์ต่างประเทศมีทั้งเราจัดเสนอและลูกค้าเสนองบให้เราจัดเอง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ทั้งเอกชนและรัฐวิสาหกิจที่ใช้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยมีเส้นทางประเทศมาเลเซีย-สิงคโปร์ 50 %, จีน-เกาหลี -เวียดนาม-ญี่ปุ่น และฮ่องกง 30 % ทวีปยุโรป คือ อิตาลี ฝรั่งเศส ฮังการี เช็ค และในส่วนของ Domestic คือทัวร์คนไทยเที่ยวในประเทศไทยเอง คือ ภูเก็ต สมุย พัทยา และเชียงใหม่อยู่ที่ประมาณ 20 % "

นายพิชิต กล่าวถึงการเปิดการค้าเสรีของเขตการค้าอาเซียน หรือ AFTA ในภาคบริการนำร่อง 4 สาขา คือ การบริการท่องเที่ยว สุขภาพ การขนส่งทางอากาศ โทรคมนาคมและคอมพิวเตอร์ ที่จะบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2554 ว่า จะส่งผลให้มีการลงทุนด้านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างเสรี สมาชิกชาติอาเซียนถือหุ้นได้อย่างน้อย 70% จากเดิมเพียง 49% ทำให้ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัวและแข่งขันมากขึ้น โดยเฉพาะมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนีเซียที่มีความพร้อมจะเข้ามาลงทุนในหาดใหญ่ ทั้งในกลุ่มธุรกิจโรงแรม สถานบันเทิง บริษัทนำเที่ยว

นายลือศักดิ์ ผดุงภักดีวงศ์ ผู้จัดการบริษัท ซีแอนด์พี ทัวร์ ซึ่งให้บริการนานกว่า 30 ปี โดยมีสำนักงานทั้งหาดใหญ่และกรุงเทพฯ กล่าวยอมรับเช่นกันว่า ภาพรวมของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวปีนี้ดีขึ้นกว่าปีก่อน แม้ว่าจะเกิดอุทกภัยในเมืองหาดใหญ่ทำให้ภาคธุรกิจเสียหายนับหมื่นล้าน ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้รับผลกระทบไม่น้อย

อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านพ้นเหตุร้ายก็เร่งทำการฟื้นฟูและเปิดให้บริการโดยเร็วที่สุด โดยยึดหลักกลยุทธ์การบริการ 4 ประการ คือ 1. ทุกอย่างต้องเป็นความจริง ไม่หลอกลวงลูกค้า 2. มีความเที่ยงธรรมกับเขากับเรา 3. มีไมตรีกับทุกคน 4. ดีกับทุกฝ่าย คุณดี เราดี เพื่อได้รับการบริการที่ดี ซึ่งถือเป็นกลยุทธ์ที่สามารถรักษากลุ่มลูกค้าเดิมและสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ๆให้เข้ามาใช้บริการได้จนถึงปัจจุบัน

สำหรับการเปิดเสรีอาเซียน ย่อมต้องส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมของไทยอย่างแน่นอนไทยเองก็จะมีคู่แข่งมากขึ้น ซึ่งเราก็ต้องปรับตัวโดยการจัดทัวร์ให้เข้ากับสถานการณ์สภาวะการท่องเที่ยว ตนในฐานะผู้ประกอบการท่องเที่ยวก็ต้องเตรียมพร้อมรับกับปัญหาที่จะตามมา ในขณะเดียวกันนโยบายยกเลิกการทำวีซ่า ที่ถูกเสนอให้มีในนโยบายการเปิดการค้าเสรีอาเซียนนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นผลดีเพราะจะทำให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเที่ยวในไทยได้ง่ายขึ้น อีกทั้งเป็นการกระตุ้นให้ชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวได้มากขึ้นด้วย

จากตัวอย่างบริษัททำเที่ยว 5 บริษัทที่กล่าวมานี้ ทำให้มองได้ว่าธุรกิจทัวร์ต่างแดนที่กำลังได้รับความนิยมและสร้างกระแสตื่นตัวให้บรรดานักท่องเที่ยว นอกจากเรื่องการแข่งขันด้านราคาแล้ว ต้องยอมรับว่ามีการสร้างและพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยความคิดสร้างสรรค์ผนวกกับเทคโนโลยีใหม่ๆ นับเป็นโอกาสดีที่เราจะได้เรียนรู้ความก้าวหน้า และแลกเปลี่ยนด้านการท่องเที่ยวซึ่งกันและกัน และนำมาเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวในประเทศไทย ซึ่งมีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สวยงามเป็นทุน แต่ขาดการสร้างจุดเด่น และวางแผนพัฒนาในระยะยาวเท่านั้น