กระบี่-จังหวัดกระบี่ ดีเดย์ ตรวจจับไม่สวมหมวกกันน็อก 1 มีนาคมนี้ ทั้งผู้ขับขี่ และผู้ซ้อนท้ายรถจักยานยนต์
นายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากการที่ทางคณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2554 เป็นปีแห่งการส่งเสริมการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิภัย 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมอบหมายให้หน่วยงานภาคราชการ องค์กรมหาชน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีมาตรการเพื่อณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยลดอัตราการบาดเจ็บ การเสียชีวิต จากอุบัติเหตุทางถนน
จังหวัดกระบี่ได้กำหนดมาตรการเพื่อให้เกิดความเข้มข้นในทางปฏิบัติ ให้การรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยในผู้ขับขี่ และผู้ซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ เป็นวาระสำคัญของจังหวัด ดังนั้นทุกภาคส่วนราชการ รัฐวิสากิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษาทุกแห่งในจังหวัดกระบี่ จะต้องมีมาตรการเข้มงวดในการปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด
กำหนดให้บริเวณสถานที่ราชการเป็นพื้นที่สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ และต้องปฏิบัติตามมาตรการกฎหมาย ไม่เว้นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ทุกหน่วยงานทุกสังกัดต้องปฏิบัติตามกฎหมาย การจราจร การขับขี่รถจักยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง หากไม่ปฏิบัติตามฝ่าฝืนกฎหมาย ให้ทางผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามความเหมาะสม, ซึ่งก่อนที่จะบังคับใช้กฎหมายก็จะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ อย่างทั่วถึง เพื่อสร้างความตระหนักให้กับประชาชนผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ทุกคนต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
ในวันที่ 15-28 กุมภาพพันธ์ 54 จังหวัดกระบี่ จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วทั้ง 8 อำเภอ ตามสถานศึกษา ผ่านทางวิทยุชุมชน เคเบิลทีวี รถแห่ประชาสัมพันธ์รอบเมือง ทุกอำเภอ ทั้ง 8 อำเภอ การติดป้ายประชาสัมพันธ์ตามจุดสำคัญทั้งในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ และต่างอำเภอทุกอำเภอ ตามทางหลวง และจุดถนนสายรอง เพื่อต้องการให้ประชาชนทราบถึงแนวทางปฏิบัติทางกฎหมายจราจร ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน สามารถความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยค่านิยมใหม่ ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และเป็นการส่งเสริมการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ตามนโยบายของรัฐบาล
จังหวัดกระบี่ ได้กำหนดวันที่ 1 มีนาคม 54 จะดำเนินการ ตรวจจับ อย่างจริงจัง ในการสวมหมวกนิรภัยในผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ ทุกอำเภอพร้อมกัน ทั้ง 8 อำเภอ คือจับไม่เลือกสถานที่ หรือวันหยุดราชการ ทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อที่จะให้การดำเนินงานตามแนวทางปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดี่ยวกันทั้งจังหวัด
นายสมาน แสงสอาด รองผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า จากการที่ทางคณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 4 มกราคม 2554 เป็นปีแห่งการส่งเสริมการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิภัย 100 เปอร์เซ็นต์ โดยมอบหมายให้หน่วยงานภาคราชการ องค์กรมหาชน รัฐวิสาหกิจ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มีมาตรการเพื่อณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัย เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยลดอัตราการบาดเจ็บ การเสียชีวิต จากอุบัติเหตุทางถนน
จังหวัดกระบี่ได้กำหนดมาตรการเพื่อให้เกิดความเข้มข้นในทางปฏิบัติ ให้การรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิรภัยในผู้ขับขี่ และผู้ซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ เป็นวาระสำคัญของจังหวัด ดังนั้นทุกภาคส่วนราชการ รัฐวิสากิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานศึกษาทุกแห่งในจังหวัดกระบี่ จะต้องมีมาตรการเข้มงวดในการปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด
กำหนดให้บริเวณสถานที่ราชการเป็นพื้นที่สวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ทั้งผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ และต้องปฏิบัติตามมาตรการกฎหมาย ไม่เว้นข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ทุกหน่วยงานทุกสังกัดต้องปฏิบัติตามกฎหมาย การจราจร การขับขี่รถจักยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้ง หากไม่ปฏิบัติตามฝ่าฝืนกฎหมาย ให้ทางผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามความเหมาะสม, ซึ่งก่อนที่จะบังคับใช้กฎหมายก็จะมีการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ อย่างทั่วถึง เพื่อสร้างความตระหนักให้กับประชาชนผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ทุกคนต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งเพื่อความปลอดภัย
ในวันที่ 15-28 กุมภาพพันธ์ 54 จังหวัดกระบี่ จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วทั้ง 8 อำเภอ ตามสถานศึกษา ผ่านทางวิทยุชุมชน เคเบิลทีวี รถแห่ประชาสัมพันธ์รอบเมือง ทุกอำเภอ ทั้ง 8 อำเภอ การติดป้ายประชาสัมพันธ์ตามจุดสำคัญทั้งในเขตเทศบาลเมืองกระบี่ และต่างอำเภอทุกอำเภอ ตามทางหลวง และจุดถนนสายรอง เพื่อต้องการให้ประชาชนทราบถึงแนวทางปฏิบัติทางกฎหมายจราจร ลดอุบัติเหตุบนท้องถนน สามารถความปลอดภัยให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนด้วยค่านิยมใหม่ ให้ประชาชนปฏิบัติตามกฎหมายอย่างต่อเนื่อง และเป็นการส่งเสริมการรณรงค์ส่งเสริมการสวมหมวกนิภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ตามนโยบายของรัฐบาล
จังหวัดกระบี่ ได้กำหนดวันที่ 1 มีนาคม 54 จะดำเนินการ ตรวจจับ อย่างจริงจัง ในการสวมหมวกนิรภัยในผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้ายรถจักยานยนต์ ทุกอำเภอพร้อมกัน ทั้ง 8 อำเภอ คือจับไม่เลือกสถานที่ หรือวันหยุดราชการ ทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อที่จะให้การดำเนินงานตามแนวทางปฏิบัติเป็นไปในทิศทางเดี่ยวกันทั้งจังหวัด