สมช.ฟังความเห็นทำร่างความมั่นคงทางทะเลที่ภูเก็ต

ศูนย์ข่าวภูเก็ต - สภาความมั่นคงแห่งชาติฟังความคิดเห็นพิจารณาร่างยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงร่างยุทธศาสตร์ฯ ก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี

วันนี้ (27 ม.ค. ) ที่โรงแรมป่าตอง รีสอร์ท โฮเตล จังหวัดภูเก็ต นายอนุสิษฐ์ คุณาการ รองเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ กล่าวในการเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง “การพิจารณาร่างยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล” (2554-2559) โดยมีสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพเรือ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง เข้าร่วม
ว่า นายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญของการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 13.5 ล้านล้านบาท จึงได้มอบหมายให้สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ กองทัพเรือ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคง ประเมินผลการดำเนินงานตามนโยบายความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล (พ.ศ. 2548-2552) และพิจารณาจัดทำร่างยุทธศาสตร์ในการักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลฉบับใหม่

ทั้งนี้ เพื่อเป็นกรอบแนวทางให้ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องได้ร่วมมือในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล จึงได้จัดให้มีการประชุมเพื่อระดมความคิดเห็นขึ้นในวันนี้ เพื่อเปิดเวทีให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงประชาชนในพื้นที่ฝั่งทะเลอ่าวไทยตอนล่างและฝั่งทะเลอันดามัน ร่วมมแสดงคิดเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ฯ ในพื้นที่อ่าวไทยตอนล่างและฝั่งทะเลอันดามัน สำหรับยุทธศาสตร์ความมั่นคงแห่งชาติทางทะเล (พ.ศ.2554-2559) และเสนอประเด็นเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อนำไปพัฒนาปรับปรุงร่างยุทธศาสตร์ฯ ให้มีความครอบคลุม และครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งขึ้น ก่อนที่จะนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่ออนุมัติต่อไป

สำหรับเป้าหมายในการป้องกันและรักษาอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และสิทธิอธิปไตยทางทะเลคุ้มครองรวมถึงรักษาชีวิต สิทธิและทรัพย์สินของประชาชน สร้างความสงบเรียบร้อยในการดำเนินกิจกรรมทางทะเลของทุกภาคส่วน ในการปกป้องรักษาและฟื้นฟู ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมทางทะเล สร้างการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ตลอดจนปลูกจิตสำนึกในการรักษาทรัพยากร สร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการดูแลรักษาผลประประโยชน์ของชาติทางทะเล ที่มีอยู่จำนวนมหาศาล รวมทั้งส่งเสริมการบูรณาการระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนในการดูแลความมั่นคงทางทะเลของประเทศ

นายอนุสิษฐ์กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของฝั่งทะเลอันดามัน กองทัพเรือภาคที่ 3 เป็นกลไกลสำคัญ ในการที่จะลงไปช่วยดูแลรักษาผลประโยชน์ของชาติ โดยการบูรณาการในหลายๆ หน่วยงาน ส่วนหน่วยงานหลักที่เข้าร่วมทำหน้าที่ดังกล่าวกับกองทัพเรือภาคที่ 3 เช่น กรมเจ้าท่า กรมประมง ศุลกากร กรมทรัพยากรแห่งชาติทางทะเล เป็นต้น

หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไปจัดตั้งศูนย์ประสานการปฏิบัติ เพื่อการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จะทำหน้าที่ในเรื่องของการประสานงาน การปฏิบัติ

ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นเป็นเรื่องของความร่วมมือในเรื่องการประสานทางปัญญา กฎหมาย ที่มีอยู่ก็เป็นกฎหมายแต่ละหน่วย การทำหน้าที่นั้นต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องยากลำบากของกองทัพเรือ ฉะนั้น เอกสารหลักฉบับนี้ คือ ทำอย่างไรให้กลไกลเหล่านี้ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น อาจจะต้องมีกฎหมายเข้ามารองรับ ไม่ว่าจะเป็นระเบียบการบริหารราชการแผ่นดินโดยออกระเบียบด้วยสำนักนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ ทุกฝ่ายได้ตรวจสอบประเมินสภาวะแวดล้อม ตรวจสอบความต้องการในภาคประชาชนแล้วความต้องการที่สำคัญก็คือ ให้มีโครงสร้างของการทำงาน ที่มีความชัดเจนสามารถ ทำผลงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติทางทะเลได้จริง และในท้ายที่สุดผลประโยชน์เหล่านี้จะสะท้อนมายังประชาชน