xs
xsm
sm
md
lg

ผอ.รพ.จะนะ พบเด็กกินบะหมี่แทนข้าว-เชื่อไม่เกิน 3 เดือนเปลี่ยนพฤติกรรมได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ทีมแพทย์และนักจิตวิทยา ได้เดินทางมาเฝ้าดูพฤติกรรมเด็กวัย 9 ขวบ ที่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแทนข้าว ที่โรงเรียนบ้านปากบาง ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา แนะให้โรงเรียนนำเด็กไปทัศนศึกษาแล้วสั่งข้าวผัด ซึ่งมีสีสันใส่เนื้อสัตว์ที่เขาชอบลงไป และลองให้เขากิน และคาดว่า ใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือนสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้

จากกรณีนำเสนอข่าว ด.ช.ธนพล หลีคง หรือ น้องบินลาเดน อายุ 9 ขวบ นักเรียนชั้น ป.2โรงเรียนบ้านปากบาง ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา มีพฤติกรรมไม่ยอมกินข้าว แต่กินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นอาหารหลัก จนล่าสุดเรื่องได้ไปถึงทางสาธารณสุขจังหวัดสงขลา ซึ่งได้เตรียมที่จะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบและหาทางช่วยเหลือ

วันนี้ (25 ม.ค.) หน่วยงานของสาธารณสุขในระดับพื้นที่ นำโดย นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ได้นำทีมแพทย์และนักจิตวิทยาเดินทางมายังโรงเรียนบ้านปากบาง เพื่อพบกับทางอาจารย์และตัวของ ด.ช.ธนพล หลีคง หรือ น้องบินลาเดน วัย 9 ขวบ ที่มีพฤติกรรมไม่ยอมทานข้าวสวย และชอบทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแทนนั้น

ในช่วงที่ทีมแพทย์เข้าไป เป็นช่วงเวลาพักทานอาหารกลางวันของเด็กนักเรียน ซึ่งน้องบินลาเด็น ได้เข้ามาที่โรงอาหารเหมือนเพื่อนๆ นักเรียนคนอื่นๆ แตกต่างกันตรงที่ บินลาเด็นไม่ยอมไปรับอาหารเหมือนเด็กคนอื่น แต่จะไปรอรับไก่ทอดกรอบมารับประทานแทนข้าวและกับข้าว ซึ่งอาจารย์พยายามตักข้าวไปตั้งไว้ที่โต๊ะรับประทานอาหารให้ด้วย แต่น้องบินลาเด็นไม่ยอมแม้แต่แตะต้องจานข้าวเลย โดยพฤติกรรมตรงนี้จะเป็นพฤติกรรมที่เขาปฏิบัติเป็นประจำ

หลังจากที่ทีมของ นพ.สุภัทร ได้เฝ้าดูพฤติกรรมของบินลาเด็นแล้ว เมื่อน้องบินลาเด็นรับประทานอาหารเสร็จ นพ.สุภัทร และทีมแพทย์ได้เข้าไปพูดคุยกับบินลาเดน สอบถามถึงเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับตัวเขาและจดบันทึกพฤติกรรม

นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ ได้กล่าวว่า จากการเฝ้าสังเกตพฤติกรรมในเบื้องต้นรวมไปถึงการพูดคุยสอบถาม ข้อมูลต่างๆ ของเด็กจากครูและญาติ พฤติกรรมของเด็กที่เกิดขึ้น คือ ไม่ยอมกินข้าวสวยแต่ก็ยังกินข้าวต้ม และอาหารอื่นๆ แต่ชอบกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ซึ่งถามว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปส่งผลเสียต่อสุขภาพของเด็กหรือไม่นั้น ในส่วนตัวบะหมี่เองก็ทำมาจากแป้งก็ไม่มีปัญหา แต่เครื่องปรุงรสมีส่วนผสมของผงชูรสย่อมส่งผลต่อพัฒนาการและการเติบโตของเด็กอย่างแน่นอน

“เรื่องพัฒนาการของตัวเด็กเอง ในเบื้องต้นที่ตรวจพบมีน้ำหนักและส่วนสูงต่ำกว่าเกณฑ์เล็กน้อย ซึ่งก็ยังถือว่าไม่มากนักสำหรับในตอนนี้ แต่ในเรื่องของพัฒนาการทางด้านไอคิว อีคิว นั้นต้องนำเด็กไปที่นักจิตวิทยาของโรงพยาบาลจะนะ เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดถึงจะทราบ ซึ่งคงต้องนัดหมายกับผู้ปกครองของเด็กอีกครั้ง ในการนำเด็กไปตรวจสอบ” นพ.สุภัทร กล่าว

นพ.สุภัทร กล่าวอีกว่า สำหรับพฤติกรรมการไม่กินอาหารของเด็ก ส่วนใหญ่จะพบกรณีเด็กไม่กินผัก แต่กรณีของ ด.ช.ธนพล คือไม่กินข้าวสวย ยังไม่เคยพบแต่ก็ไม่แตกต่างกับพฤติกรรมของเด็กคนอื่นไม่กินผัก คือ เป็นพฤติกรรมของความเคยชิน และมีอคติกับข้าวสวย เหมือนกับพวกตั๊กแตนหรือแมลงที่เขาทอดขายกัน คนที่ไม่กล้ากินก็จะไม่ยอมกินเลย คือไม่เคยชิน และมีอคติคิดว่า มันคือแมลงไม่ใช่อาหาร พฤติกรรมเช่นนี้ก็ไม่ต่างจาก ด.ช.ธนพล ซึ่งวิธีการปรับเปลี่ยนและแก้ไขทำได้ไม่ยาก และอาจจะต้องใช้ระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 3 เดือน

“สิ่งสำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็ก คือ การสร้างแรงจูงใจกับเด็ก เช่น การนำเด็กไปทัศนศึกษาพร้อมกับเพื่อนแล้วลองสั่งข้าวผัด ซึ่งจริงๆ ก็คือ ข้าวสวยที่มีสีสันใส่เนื้อสัตว์ที่เขาชอบลงไป และลองให้เขากิน พร้อมกับเพื่อนแต่ต้องบังคับเขาจะกินหน่อย เพียงสองสามช้อนก็ไม่เป็นไร ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการเปิดรับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเขา แต่ต้องงดการใช้วิธีการดุด่าว่าตี เพราะมันไม่ได้ช่วยสร้างแรงจูงใจที่แท้จริงให้เกิดขึ้นกับเด็ก

ส่วนที่สำคัญในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเด็ก อยู่ที่ผู้ปกครองของเด็กด้วยที่จะให้เวลากับเด็กเยอะขึ้น รวมไปถึงทุกๆส่วนที่อยู่แวดล้อมตัวเด็ก ทั้งเพื่อน ทั้งครู ก็เป็นส่วนสำคัญการเปลี่ยนพฤติกรรม ต้องสร้างแรงจูงใจเชิงบวก คือ การชม หรือการให้รางวัลอย่างสมเหตุสมผลเมื่อเขา ทำตามที่บอก ก็จะช่วยให้เด็กปรับเปลี่ยนพฤติกรรมได้เร็วขึ้น” นพ.สุภัทร กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น