ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ผลักดันการพัฒนางานวิจัย 4 นวัตกรรมให้กลายเป็น 4 ผลิตภัณฑ์ใหม่ตอบสนองระบบสุขภาพของสังคม และมุ่งสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงธุรกิจเพื่อยกระดับนวัตกรรมสู่สากล ชี้เป็นการผลิตงานวิจัยที่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรมออกสู่สายตาประชาชนจนเป็นที่ยอมรับแล้ว
เมื่อวานนี้ (17 ม.ค.) ที่ศูนย์ประชุมนานาชาติฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ณ ลานหน้าห้องคอนเวนชั่น มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (มอ.) วิทยาเขตหาดใหญ่ ได้จัดงานแถลงข่าว ผลงานนวัตกรรมของ มอ. และแสดงผลิตภัณฑ์ของศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ โดยมี ผศ.คำรณ พิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มอ. พร้อมด้วยนักวิจัยผู้ผลิต 4 นวัตกรรม
ได้แก่ ผศ.ดร.เจษฎา วรรณสินธุ์ ภาควิชาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ ผู้ผลิตนวัตกรรมเทคโนโลยีการขึ้นรูปโลหะกึ่งของแข็ง, นางกฤติกา หนูเกลี้ยง ผู้ช่วยพยาบาลคณะแพทย์ศาสตร์ มอ. ผู้ผลิตนวัตกรรมกางเกงผ้าอ้อมแบบซักได้, รศ.ดร.รพีพรรณ วิฑิตรุวรรณกุล นักชีวะเคมี ผู้ผลิตนวัตกรรมครีมยางพารา Hb และ ผศ.ดร.วิริยะ ทองเรือง จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ กับ ผศ.นพ.สุนทร วงษ์ศิริ จากภาควิชาศัลยกรรมศาสตร์ คณะแพทย์ศาสตร์ มอ. ผู้ผลิตนวัตกรรมยางส้นรองเท้า Heel Soother ดำเนินรายการโดย ผศ.ดร.อัครวิทย์ กาญจนโอภาษ
ผศ.คำรณ พิทักษ์ ผู้อำนวยการศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มอ.กล่าวว่า ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจมีนโยบายสำคัญในการผลักดันงานวิจัยซึ่งเป็นเรื่องหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งนำงานวิจัยมาทำเป็นธุรกิจเชิงพาณิชย์ เพื่อให้งานวิจัยดังกล่าวได้รับการพัฒนา และนำผลงานวิจัย เทคโนโลยี นวัตกรรม สิ่งประดิษฐ์ และองค์ความรู้ของมหาวิทยาลัยไปสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ โดยในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมาจะพบว่ามหาวิทยาลัยได้สร้างกลไกขึ้นมาเพื่อจะผลิตงานวิจัยที่สามารถจับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม ที่สามารถขายได้จริงๆ จนนำไปสู่การยอบรับ โดยในงานวิจัยที่ทางศูนย์บ่มเพาะได้ทำมีบริษัทที่ศูนย์ดูแลอยู่ 70 บริษัท 4 ศูนย์อยู่ในทุกวิทยาเขต มีหน้าที่หลักในการผลักดันงานวิจัยในรูปแบบของการขายและการลงทุน
ผศ.ดร.เจษฎา วรรณสินธุ์ ภาควิชาอุตสาหกรรมเหมืองแร่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มอ.กล่าวว่า เทคโนโลยีการขึ้นรูปโลหะกึ่งของแข็ง เป็นนวัตกรรมที่นำมาขึ้นรูปเป็นของแข็ง ทำได้ยากมาก จึงต้องใช้วิธีการปล่อยฟองแก๊ส ผลิตเครื่องโลหะกึ่งของแข็งแบบ GISS ที่ใช้ในการควบคุมแบบ Manual ซึ่งผลงานที่ผ่านกระบวนการ GISS และทดลองเบื้องต้นกับเครื่องฉีดไดคาสติ้งจะทำให้มีสถานะโครงสร้าง มีสมบัติทางกลไกที่ดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่ไม่ผ่านกระบวนการ GISS เนื่องจากการผลิตด้วยกระบวนการดังกล่าวสามารถเพิ่มคุณสมบัติกับชิ้นงานได้อีกทั้งยังสามารถลดต้นทุนการผลิตได้อีกด้วย ซึ่งเทคโนโลยีการขึ้นรูปโลหะกึ่งของแข็งดังกล่าวสามารถทำเป็นขาเทียมแก่ประชาชนผู้พิการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ใช้ทำของเล่น ตลอดจนปลอกกันกระสุนต่างๆ
นางกฤติกา หนูเกลี้ยง ผู้ช่วยพยาบาลคณะแพทย์ศาสตร์ มอ.กล่าว่า กางเกงผ้าอ้อมแบบซักได้เป็นผลงานที่ใช้ระยะเวลาในการลองผิดลองถูกอยู่หลายครั้ง ซึ่งผลงานชิ้นนี้เกิดจากการวิจัย เพื่อออกแบบผลิตภัณฑ์ใช้กับผู้ป่วยที่มีปัญหาในโรงพยาบาล เช่น ผู้ป่วยที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สามารถใช้งานเหมือนผ้าอ้อมสำเร็จรูปทั่วไป แต่แตกต่างกันตรงที่สามารถซักทำความสะอาดและเก็บรักษาได้ โดยผลิตจากผ้าร่มและบุด้วยผ้าสำลี นุ่มและเบาอีกทั้งยังสามารถปรับตามขนาดสรีระ มีทั้งแบบสำหรับเด็กและผู้ใหญ่
โดยหากเปรียบเทียบในเรื่องของราคาและค่าใช้จ่ายระหว่างผ้าอ้อมสำเร็จรูปกับกางเกงผ้าอ้อมแบบซักได้แล้ว ผ้าอ้อมสำเร็จรูปมีราคาชิ้นละ 20-25 บาท ผ้าอ้อมแบบซักได้ราคา 250-260 บาท แต่ค่าใช้จ่ายของผ้าอ้อมสำเร็จรูปตกอยู่ที่ 4,800-7,500 บาทต่อเดือน ขณะที่ผ้าอ้อมแบบซักได้ตกอยู่ที่ 500 -780 บาทต่อเดือน อีกทั้งยังสามารถใช้ได้จนกว่าผ้าอ้อมจะมีสภาพชำรุดหรืออยู่ได้ด้วยระยะเวลาเป็นปี
ขณะที่ รศ.ดร.รพีพรรณ วิฑิตรุวรรณกุล นักชีวะเคมี มอ. กล่าวว่า ตนได้ทำการวิจัยงานชิ้นนี้มาด้วยระยะเวลา 20 กว่าปี โครงการสารสกัดจากน้ำยางพารา คณะวิทยาศาสตร์ มอ.ได้ทำการวิจัยและพัฒนาเครื่องสำอางชิ้นนี้ขึ้นมา เพื่อให้ผู้บริโภคได้ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ ซึ่งหากมองแล้วต้นยางพาราคือ การรักษาแผลจากการกรีด และสิ่งที่ต้นยางทำคือรักษาแผล สร้างเนื้อเยื่อใหม่ ครีมยางพารา Hb ใช้ในการบำรุงผิวหน้าที่ผลิตจากสารสกัดยางพาราโดยตรง ซึ่งได้จากส่วนใสของน้ำยางพารา ซึ่งอุดมไปด้วยสารพฤษเคมีนานาชนิด เช่น สารโปรตีนเอสอินฮิบอิเตอร์, กรดอินทรีย์, AHA และน้ำตาลซูโครส เป็นต้น
ด้าน ผศ.ดร.วิริยะ ทองเรือง จากคณะวิศวกรรมศาสตร์ และ ผศ.นพ.สุนทร วงษ์ศิริ ภาควิชาศัลยกรรมศาสตร์ คณะแพทย์ มอ. ผู้ผลิตนวัตกรรมยางส้นรองเท้า Heel Soother กล่าวว่า ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ออกแบบเพื่อให้สามารถยึดหยุ่นใกล้เคียงกับความยืดหยุ่นของเนื้อเยื่อส้นเท้าที่มีความหนาเหนียวและแน่น เพื่อรองรับการกระแทกของส้นเท้าด้านในอันเป็นสาเหตุของโรคเอ็นส้นเท้าอักเสบ ซึ่งสามารถช่วยกระจายแรงกด และลดความดันในส้นเท้าได้ถึง 60% อีกทั้งยังสามารถช่วยลดอาการปวดส้นเท้าในขณะเดิน ยืนและวิ่งเป็นเวลานานๆ และสามารถถอดออกนำไปใช้กับรองเท้าคู่อื่นๆ ใช้เสริมในรองเท้ากีฬาทั่วไป เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของรองเท้ากีฬาให้มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับรองเท้ากีฬาของต่างประเทศที่มีราคาแพง ซึ่งผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ยังสามารถใช้เป็นอุปกรณ์เสริมในการรักษาผู้ป่วยโรคเอ็นส้นเท้าอักเสบได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์จากศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มอ. นอกจาก 4 นวัตกรรม 4 งานวิจัยที่กล่าวมาแล้ว ยังมีนวัตกรรมตัวอื่นอีก เช่น แผ่นมาสก์หน้า มาสก์ขอบตา วัสดุปิดบาดแผลจากเซลลูโลส, บะหมี่สำเร็จรูปเปกติน กาแฟเพื่อลด ละ เลิกบุหรี่ ครีมนวด, หมอนรองผ่าตัด, เจลล้างมือเบญกานี และเบาะเจลรองนั่ง เป็นต้น ซึ่งผลิตภัณฑ์ต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นงานวิจัยที่มีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งได้รับการผลักดันและสนับสนุนจากศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มอ.ทั้งสิ้น
ทั้งนี้ เพื่อมุ่งให้ผลงานวิจัยต่างๆ ได้ยกระดับสู่สากล สู่ธุรกิจเชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรม และสามารถแข่งขันกับตลาดโลกได้อย่างภาคภูมิใจ ด้วยฝีมือนักวิจัยที่เป็นคนไทย ศูนย์บ่มเพาะวิสาหกิจ มอ.จึงเปรียบเสมือนองค์กรในมหาวิทยาลัยที่นำเอาผลงานที่มีคุณค่าออกมาสู่อุตสาหกรรมจนเป็นที่ยอมรับ ตลอดจนยังได้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาโดยการจดสิทธิบัตรผลงานที่ผ่านการวิจัย เพื่อป้องกันการขโมยความคิดสร้างสรรค์ และพัฒนาส่งเสริมนักศึกษาให้มีความเป็นผู้ประกอบการหลังจากที่สำเร็จการศึกษาด้วย