กระบี่ -หนุ่มสวนยางปืนโหด ชักปืนลูกซอง รัวยิงดาบตำรวจพร้อมพวกดับคาที่ 2 ศพ บาดเจ็บสาหัส 1 รอดชีวิตหวุดหวิด 1 ก่อนเกิดเหตุผู้ตายพร้อมพวกเข้าไปเจรจาเรื่องที่ดินกับคนร้าย แต่ยังไม่ทันได้พูดคุยกันรู้เรื่อง คู่กรณีใช้อาวุธปืนยิงถล่มแบบไม่ยั้ง ก่อนหลบหนีเข้าป่า
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (17 ม.ค.) พ.ต.ท.จำเริญ สุวรรณชาตรี สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมือง จ.กระบี่ รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย เหตุเกิดภายในสวนยางพารา หน้าบ้านไม่มีเลขที่ ม.6 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยเดช วรดิลก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พ.ต.อ.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผกก.สภ.เมืองกระบี่ พ.ต.ท.จงรักษ์ พิมพ์ทอง รองผกก.สส. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกระบี่ แพทย์เวรโรงพยาบาลกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยกระบี่พิทักษ์ประชา หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประชาสันติสุข เข้าตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุห่างจากหน้าบ้านหลังดังกล่าวประมาณ 10 เมตร พบศพ ด.ต.สวัสดิ์ ชื่นแก้ว อายุ 40 ปี ตำแหน่งผบ.หมู่งานจราจร ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจตำบลหนองทะเล สภาพนอนหงายจมกองเลือดใต้โคนต้นยาง อยู่ในชุดเสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีเขียว มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่บริเวณใบหน้ารวม 9 รู มีแผลฉกรรจ์ที่บริเวณตาซ้าย แก้มซ้าย ดั้งจมูก และ ใต้คาง
ตรวจสอบในตัวผู้ตายพบซองปืน ขนาด.38 มม.1 กระบอก ส่วนอาวุธปืนนั้นหายไป และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ห่างกันประมาณ 10 เมตร บนถนนลาดยาง พบศพนายสุไลมาน สายนุ้ย อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ม.3 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ สภาพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดแขนสั้นคอกลมสีแดง สวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเขียว นุ่งกางกางยีนส์สีน้ำเงิน สวนรองเท้าหนังสีขาว มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่แผ่นหลัง 9 รู กระสุนฝังใน
ส่วนสถานที่เกิดเหตุ พบรอยกระสุนตามต้นยาง และพบปลอกกระสุนปืนลูกซองตกอยู่ 4 ปลอกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ ทราบว่า ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คนถูกนำส่งโรงพยาบาลกระบี่ก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาชื่อนายเฟียะ สายนุ้ย อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ม.3 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ บิดาของนายสุไลมาน ถูกยิงเข้าที่แผ่นหลัง 4 รู อาการสาหัส
สอบสวน นายมั่น รักษา อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 212 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ ผู้ที่ร่วมเดินทางมาและอยู่ในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ตนได้ขับรถกระบะโตโยต้า ตอนครึ่ง สีขาวป้ายทะเบียน บธ 256 กระบี่ พร้อมด้วยนายสุไลมาน นายเฟียะ ด.ต.สวัสดิ์ รวม 4 คน ไปพบกับนายอาคม ยิ้มปราง อายุ 40 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุกลางสวนยางพารา เพื่อเจรจากับนายอาคม ซึ่งมีอาชีพทำสวนยาง หลังมีปัญหาขัดแย้งเรื่องที่ดินติดเชิงเขาห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร แต่นายอาคมอ้างว่าเป็นที่ของตนและทำกินมานานแล้ว จึงไม่สามารถตกลงกันได้
หลังจากการเจรจาไม่เป็นผลเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ระหว่างนายอาคมเจ้าของบ้านกับนายสุไลมาน ซึ่งทราบมาว่าทั้งสองคนนี้เคยมีเรื่องที่ไม่ชอบพอกันมาก่อน ทั้งหมดจึงเดินกลับเพื่อไปขึ้นรถ
ขณะที่เดินอยู่บริเวณหน้าบ้าน นายอาคม ก็เข้าไปหยิบปืนลูกซองออกมายิงใส่ ด.ต.สวัสดิ์ 1 นัดเสียชีวิตคาที่ ก่อนหันกระบอกปืนยิงใส่ นายสุไลมาน ที่กำลังวิ่งหนีจะไปไปขึ้นรถเสียชีวิตอีก1 ศพ และเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งขึ้นรถพร้อมด้วยนายนายเฟียะ ทำให้นายเฟียะถูกยิงได้รับปาดเจ็บ นายมั่น จึงขับรถกระบะหลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านบริเวณถนนสายหนองทะเลคลองม่วง ชาวบ้านจึงช่วยกันนำนายเฟียะ ส่งโรงพยาบาลกระบี่ ส่วนนายมั่น กระสุนปืนแค่เฉี่ยวแก้มขวา นอกจากนั้นกระสุนไปโดนสร้อยคอขาด
นายมั่น รักษา กล่าวว่า ตนคงรอดจากเหตุการณ์ในครั้งด้วยบารมี หลองพ่อแก่เงิน วัดท่ายาง จังหวัดตรัง ทำให้รอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิด
ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ติดตามนายอาคม ผู้ต้องหาฯพร้อมกระจายกำลังติดตามบริเวณเชิงเขาหลังซึ่งเป็นป่าทึบโดยพื้นที่ป่าดังกล่าวสามารถติดต่อได้ทั้งสามตำบลในเขตอำเภอเมืองกระบี่ประกอบด้วยตำบลอ่าวนาง ตำบลหนองทะเล และตำบลเขาคราม จึงได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อมทางเข้าออก แต่ยังไม่พบตัวคนร้าย ประกอบกับนายอาคม มีความชำนาญพื้นที่จึงทำให้ค้นหาลำบาก
ส่วนสาเหตุการสังหารโหดครั้งนี้เจ้าหน้าที่พุ่งประเด็นขัดแย้งเรื่องที่ดิน และเรื่องส่วนตัว เนื่องจากจากผู้ตายคือนายสุไลมานและนายผู้ต้องหา ได้เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อนทั้งเรื่องที่ดินกันมาประมาณ 1 ปี แล้ว และก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน บิดาของนายอาคม ก็ถูกพรรคพวกของนายสุไลมานทำร้ายจนบาดเจ็บ จนเกิดความแค้นเป็นทุนเดิม และเมื่อผู้ตายพาพวกไปที่บ้านพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกรงว่าจะมาทำร้าย จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงถล่มแบบไม่ยั้งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนอาวุธปืน ขนาด.38 มม.ของ ด.ต.สวัสดิ์ ตำแหน่งผบ.หมู่งานจราจร ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจตำบลหนองทะเล คาดว่านายอาคมได้นำติดตัวไป
เมื่อเวลา 10.30 น.วันนี้ (17 ม.ค.) พ.ต.ท.จำเริญ สุวรรณชาตรี สารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมือง จ.กระบี่ รับแจ้งเหตุคนถูกยิงเสียชีวิต 2 ราย เหตุเกิดภายในสวนยางพารา หน้าบ้านไม่มีเลขที่ ม.6 ต.อ่าวนาง อ.เมือง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและรุดไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วย พล.ต.ต.วิทยเดช วรดิลก ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พ.ต.อ.บุญทวี โตรักษา รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดกระบี่ พ.ต.อ.ธีระพล ทิพย์เจริญ ผกก.สภ.เมืองกระบี่ พ.ต.ท.จงรักษ์ พิมพ์ทอง รองผกก.สส. เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานจังหวัดกระบี่ แพทย์เวรโรงพยาบาลกระบี่ พร้อมเจ้าหน้าที่ ชุดสืบสวน และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยกระบี่พิทักษ์ประชา หน่วยกู้ภัยมูลนิธิประชาสันติสุข เข้าตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุห่างจากหน้าบ้านหลังดังกล่าวประมาณ 10 เมตร พบศพ ด.ต.สวัสดิ์ ชื่นแก้ว อายุ 40 ปี ตำแหน่งผบ.หมู่งานจราจร ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจตำบลหนองทะเล สภาพนอนหงายจมกองเลือดใต้โคนต้นยาง อยู่ในชุดเสื้อยืดคอปกแขนสั้นสีขาว นุ่งกางเกงขาสามส่วนสีเขียว มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองเข้าที่บริเวณใบหน้ารวม 9 รู มีแผลฉกรรจ์ที่บริเวณตาซ้าย แก้มซ้าย ดั้งจมูก และ ใต้คาง
ตรวจสอบในตัวผู้ตายพบซองปืน ขนาด.38 มม.1 กระบอก ส่วนอาวุธปืนนั้นหายไป และโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง ห่างกันประมาณ 10 เมตร บนถนนลาดยาง พบศพนายสุไลมาน สายนุ้ย อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ม.3 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ สภาพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดแขนสั้นคอกลมสีแดง สวมทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีเขียว นุ่งกางกางยีนส์สีน้ำเงิน สวนรองเท้าหนังสีขาว มีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าที่แผ่นหลัง 9 รู กระสุนฝังใน
ส่วนสถานที่เกิดเหตุ พบรอยกระสุนตามต้นยาง และพบปลอกกระสุนปืนลูกซองตกอยู่ 4 ปลอกจึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน นอกจากนี้ ทราบว่า ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คนถูกนำส่งโรงพยาบาลกระบี่ก่อนหน้านี้ ทราบชื่อต่อมาชื่อนายเฟียะ สายนุ้ย อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 82 ม.3 ต.ไสไทย อ.เมือง จ.กระบี่ บิดาของนายสุไลมาน ถูกยิงเข้าที่แผ่นหลัง 4 รู อาการสาหัส
สอบสวน นายมั่น รักษา อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 212 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.กระบี่ ผู้ที่ร่วมเดินทางมาและอยู่ในที่เกิดเหตุ กล่าวว่า ตนได้ขับรถกระบะโตโยต้า ตอนครึ่ง สีขาวป้ายทะเบียน บธ 256 กระบี่ พร้อมด้วยนายสุไลมาน นายเฟียะ ด.ต.สวัสดิ์ รวม 4 คน ไปพบกับนายอาคม ยิ้มปราง อายุ 40 ปี เจ้าของบ้านที่เกิดเหตุกลางสวนยางพารา เพื่อเจรจากับนายอาคม ซึ่งมีอาชีพทำสวนยาง หลังมีปัญหาขัดแย้งเรื่องที่ดินติดเชิงเขาห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 300 เมตร แต่นายอาคมอ้างว่าเป็นที่ของตนและทำกินมานานแล้ว จึงไม่สามารถตกลงกันได้
หลังจากการเจรจาไม่เป็นผลเกิดการโต้เถียงกันขึ้น ระหว่างนายอาคมเจ้าของบ้านกับนายสุไลมาน ซึ่งทราบมาว่าทั้งสองคนนี้เคยมีเรื่องที่ไม่ชอบพอกันมาก่อน ทั้งหมดจึงเดินกลับเพื่อไปขึ้นรถ
ขณะที่เดินอยู่บริเวณหน้าบ้าน นายอาคม ก็เข้าไปหยิบปืนลูกซองออกมายิงใส่ ด.ต.สวัสดิ์ 1 นัดเสียชีวิตคาที่ ก่อนหันกระบอกปืนยิงใส่ นายสุไลมาน ที่กำลังวิ่งหนีจะไปไปขึ้นรถเสียชีวิตอีก1 ศพ และเห็นท่าไม่ดีรีบวิ่งขึ้นรถพร้อมด้วยนายนายเฟียะ ทำให้นายเฟียะถูกยิงได้รับปาดเจ็บ นายมั่น จึงขับรถกระบะหลบหนีไปขอความช่วยเหลือจากชาวบ้านบริเวณถนนสายหนองทะเลคลองม่วง ชาวบ้านจึงช่วยกันนำนายเฟียะ ส่งโรงพยาบาลกระบี่ ส่วนนายมั่น กระสุนปืนแค่เฉี่ยวแก้มขวา นอกจากนั้นกระสุนไปโดนสร้อยคอขาด
นายมั่น รักษา กล่าวว่า ตนคงรอดจากเหตุการณ์ในครั้งด้วยบารมี หลองพ่อแก่เงิน วัดท่ายาง จังหวัดตรัง ทำให้รอดชีวิตมาอย่างหวุดหวิด
ซึ่งเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ติดตามนายอาคม ผู้ต้องหาฯพร้อมกระจายกำลังติดตามบริเวณเชิงเขาหลังซึ่งเป็นป่าทึบโดยพื้นที่ป่าดังกล่าวสามารถติดต่อได้ทั้งสามตำบลในเขตอำเภอเมืองกระบี่ประกอบด้วยตำบลอ่าวนาง ตำบลหนองทะเล และตำบลเขาคราม จึงได้กระจายกำลังเข้าปิดล้อมทางเข้าออก แต่ยังไม่พบตัวคนร้าย ประกอบกับนายอาคม มีความชำนาญพื้นที่จึงทำให้ค้นหาลำบาก
ส่วนสาเหตุการสังหารโหดครั้งนี้เจ้าหน้าที่พุ่งประเด็นขัดแย้งเรื่องที่ดิน และเรื่องส่วนตัว เนื่องจากจากผู้ตายคือนายสุไลมานและนายผู้ต้องหา ได้เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อนทั้งเรื่องที่ดินกันมาประมาณ 1 ปี แล้ว และก่อนเกิดเหตุประมาณ 1 เดือน บิดาของนายอาคม ก็ถูกพรรคพวกของนายสุไลมานทำร้ายจนบาดเจ็บ จนเกิดความแค้นเป็นทุนเดิม และเมื่อผู้ตายพาพวกไปที่บ้านพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ เกรงว่าจะมาทำร้าย จึงได้ใช้อาวุธปืนยิงถล่มแบบไม่ยั้งเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บดังกล่าว ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดีตามกฎหมาย ส่วนอาวุธปืน ขนาด.38 มม.ของ ด.ต.สวัสดิ์ ตำแหน่งผบ.หมู่งานจราจร ปฏิบัติหน้าที่สายตรวจตำบลหนองทะเล คาดว่านายอาคมได้นำติดตัวไป