ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อบต.สาคู เมืองภูเก็ต วอนภาครัฐช่วยแก้ปัญหาน้ำเสียบริเวณชายหาดในยางพร้อมจัดระเบียบร้านค้าหลังพบมีการบุกรุกเพิ่มเติมมากขึ้น หวั่นส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวในระยะยาว
นายสุรพงศ์ ปัญญาไวย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสาคู กล่าวถึงการแก้ปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะบริเวณชายหาดในยางและปัญหาการปล่อยน้ำเสียลงทะเล ว่า ขณะนี้พื้นที่สาธารณะบริเวณหาดในยาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ตมีการบุกรุกเพิ่มมากขึ้นจากการสำรวจพบว่าในแต่ละเดือนจะมีผู้บุกรุกใหม่เกิดขึ้น 3-5 ราย รวมทั้งบางรายมีการต่อเติมร้านค้า และสร้างห้องน้ำบนชายหาดส่งผลทำให้มีน้ำเสียเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทางองค์การบริหารส่วนตำบลสาคูได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหลายครั้ง แต่การแก้ไขปัญหาดังกล่าวคิดว่าทางท้องถิ่นไม่สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหที่เกิดขึ้นได้ตามลำพังจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา
จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้ง อำเภอ จังหวัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ที่ดูแลพื้นที่สาธารณะร่วมกัน ให้เข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะขณะนี้มีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังพบว่ามีการบุกรุกอยู่
นายสุรพงศ์ กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ทางอบต.ได้เสนอแนวทางและรูปแบบในการแก้ไขปัญหาและจัดระเบียบชายหาดในยางไปยังจังหวัด โดยจัดให้มีการสร้างร้านค้าให้กับกลุ่มผู้บุกรุกเข้าไปจำหน่ายสินค้าซึ่งเป็นการแก้ปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะและปัญหาน้ำเสีย แต่ปรากฏว่าระหว่างที่มีการดำเนินการก็ยังมีการบุกรุกอยู่ทำให้การแก้ไขปัญหายังคาราคาซังอยู่จึงอยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนที่ปัญหาจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวใน
นายสุรินทร์ โยธารักษ์ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการร้านค้าหาดในยาง กล่าวว่าอยากวิงวอนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นเจ้าภาพจัดเวทีชาวบ้านในการแก้ปัญหาบุกรุกชายหาดในยาง โดยให้มีคนกลาง คือผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเข้ามาไกล่เกลี่ย โดยเชิญทางอบต.สาคู ผู้ประกอบการ และชาวบ้าน มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อหาข้อยุติเพื่อให้ทัศนียภาพบริเวณชายหาดไนยางมีความสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยว นอกจากนี้อยากฝากให้แก้ปัญหาเรื่องขยะ และน้ำเสีย หากว่ายังปล่อยปละละเลย ทำให้สภาพสิ่งแวดล้อมเลวร้ายไปมากกว่านี้ ดังนั้นทุกคนทุกฝ่ายจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและร่วมพัฒนาชายหาดในยางไปสู่ทิศทางอย่างยั่งยืน
นายสุรพงศ์ ปัญญาไวย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลสาคู กล่าวถึงการแก้ปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะบริเวณชายหาดในยางและปัญหาการปล่อยน้ำเสียลงทะเล ว่า ขณะนี้พื้นที่สาธารณะบริเวณหาดในยาง อ.ถลาง จ.ภูเก็ตมีการบุกรุกเพิ่มมากขึ้นจากการสำรวจพบว่าในแต่ละเดือนจะมีผู้บุกรุกใหม่เกิดขึ้น 3-5 ราย รวมทั้งบางรายมีการต่อเติมร้านค้า และสร้างห้องน้ำบนชายหาดส่งผลทำให้มีน้ำเสียเกิดขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาทางองค์การบริหารส่วนตำบลสาคูได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหลายครั้ง แต่การแก้ไขปัญหาดังกล่าวคิดว่าทางท้องถิ่นไม่สามารถเข้าไปแก้ไขปัญหที่เกิดขึ้นได้ตามลำพังจำเป็นที่จะต้องอาศัยความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหา
จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานภาครัฐและหน่วยงานที่รับผิดชอบทั้ง อำเภอ จังหวัดหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง คือกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอุทยานแห่งชาติสิรินาถ ที่ดูแลพื้นที่สาธารณะร่วมกัน ให้เข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพราะขณะนี้มีการบุกรุกพื้นที่สาธารณะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการแจ้งความดำเนินคดีกับผู้บุกรุกอย่างต่อเนื่องแต่ก็ยังพบว่ามีการบุกรุกอยู่
นายสุรพงศ์ กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ทางอบต.ได้เสนอแนวทางและรูปแบบในการแก้ไขปัญหาและจัดระเบียบชายหาดในยางไปยังจังหวัด โดยจัดให้มีการสร้างร้านค้าให้กับกลุ่มผู้บุกรุกเข้าไปจำหน่ายสินค้าซึ่งเป็นการแก้ปัญหาการบุกรุกที่สาธารณะและปัญหาน้ำเสีย แต่ปรากฏว่าระหว่างที่มีการดำเนินการก็ยังมีการบุกรุกอยู่ทำให้การแก้ไขปัญหายังคาราคาซังอยู่จึงอยากให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นก่อนที่ปัญหาจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวใน
นายสุรินทร์ โยธารักษ์ อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 5 ในฐานะตัวแทนผู้ประกอบการร้านค้าหาดในยาง กล่าวว่าอยากวิงวอนส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้เป็นเจ้าภาพจัดเวทีชาวบ้านในการแก้ปัญหาบุกรุกชายหาดในยาง โดยให้มีคนกลาง คือผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตเข้ามาไกล่เกลี่ย โดยเชิญทางอบต.สาคู ผู้ประกอบการ และชาวบ้าน มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพื่อหาข้อยุติเพื่อให้ทัศนียภาพบริเวณชายหาดไนยางมีความสวยงามดึงดูดนักท่องเที่ยว นอกจากนี้อยากฝากให้แก้ปัญหาเรื่องขยะ และน้ำเสีย หากว่ายังปล่อยปละละเลย ทำให้สภาพสิ่งแวดล้อมเลวร้ายไปมากกว่านี้ ดังนั้นทุกคนทุกฝ่ายจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาและร่วมพัฒนาชายหาดในยางไปสู่ทิศทางอย่างยั่งยืน
