นครศรีธรรมราช - "วิทยา แก้วภราดัย" รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เผยนโยบายประชาวิวัฒน์ 9 ข้อ รัฐบาลสามารถดำเนินการได้ทุกเรื่อง และจะเห็นผลเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
วันนี้ (11 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธานวิปรัฐบาล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ถึงนโยบายประชาวิวัฒน์ 9 ข้อของรัฐบาลขณะนี้ว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลเตรียมการไว้แล้ว ผมเข้าใจว่าสามารถเริ่มดำเนินการได้ทุกเรื่องใน 9 ประการ ที่นายกรัฐมนตรีตั้งเอาไว้ก็คงเห็นผลภายในเดือนสองนี้
ส่วนเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภา โดยเฉพาะความเห็นของคณะกรรมการที่เสนอโดย ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เรื่องหลักสนธิสัญญาไม่มีปัญหาจบไปแล้วก็มีความเห็นสอดคล้องกันทุกฝ่ายทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล เรื่องที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้ง เขตเลือกตั้ง เรื่องเขตเดียวเบอร์เดียวก็ค่อนข้างไม่ขัดแย้งกันแล้ว จะมีพรรคที่ไม่เห็นด้วยอีก 2 พรรคหลัก คือ พรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์
แต่สุดท้ายเมื่อต้องยอมตามคณะกรรมการเราไม่ว่ากัน เหลืออันเดียวคือจำนวน ส.ส.ที่ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เสนอให้เสริมสร้างระบบพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง โดยเพิ่มระบบบัญชีรายชื่อเป็น 125 คน แล้ว ลด ส.ส.เขตให้เหลือ 375 คน
จะทำให้แต่ละเขต ซึ่งเป็นเขตเดียวเบอร์เดียวมีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่าเขต ส.อบจ. ซึ่งเป็นหลักคิดของ ดร.สมบัติ ซึ่งแนวคิดของรัฐบาลก็ต้องเดินตามแนวคิดของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นไว้ก็คือ ดร.สมบัติ จน ส.ส.พรรค ปชป.ก็เห็นด้วยแนวทางดังกล่าว จำนวน ส.ส.ถ้ามากเกินไปมันจะไปทับซ้อนกับท้องถิ่นมากไป เพราะฉะนั้นตัวเลข 375 กับ 125 น่าจะเป็นตัวเลขที่เป็นไปได้
ส่วนพรรคร่วมก็คงคุยกันอีกรอบ แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของสภาถ้าสภาตัดสินอย่างไร รัฐบาลก็ต้องเอาตามนั้น เป็นวิธีคิดของระบบประชาธิปไตยประโยชน์ที่จะจับต้องได้คงยาก แต่เป็นหลักที่นักการเมืองเขาถกกันอยู่นาน เพราะคิดว่าจะทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง และประชาชนได้มีโอกาสใกล้ชิดนักการเมืองมากขึ้นหรือไม่
วันนี้ (11 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธานวิปรัฐบาล เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ อาคารผู้ป่วยนอกโรงพยาบาลปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ถึงนโยบายประชาวิวัฒน์ 9 ข้อของรัฐบาลขณะนี้ว่าเป็นเรื่องที่รัฐบาลเตรียมการไว้แล้ว ผมเข้าใจว่าสามารถเริ่มดำเนินการได้ทุกเรื่องใน 9 ประการ ที่นายกรัฐมนตรีตั้งเอาไว้ก็คงเห็นผลภายในเดือนสองนี้
ส่วนเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของสภา โดยเฉพาะความเห็นของคณะกรรมการที่เสนอโดย ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เรื่องหลักสนธิสัญญาไม่มีปัญหาจบไปแล้วก็มีความเห็นสอดคล้องกันทุกฝ่ายทั้งฝ่ายค้านฝ่ายรัฐบาล เรื่องที่ 2 เกี่ยวกับเรื่องการเลือกตั้ง เขตเลือกตั้ง เรื่องเขตเดียวเบอร์เดียวก็ค่อนข้างไม่ขัดแย้งกันแล้ว จะมีพรรคที่ไม่เห็นด้วยอีก 2 พรรคหลัก คือ พรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์
แต่สุดท้ายเมื่อต้องยอมตามคณะกรรมการเราไม่ว่ากัน เหลืออันเดียวคือจำนวน ส.ส.ที่ ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์ เสนอให้เสริมสร้างระบบพรรคการเมืองให้เข้มแข็ง โดยเพิ่มระบบบัญชีรายชื่อเป็น 125 คน แล้ว ลด ส.ส.เขตให้เหลือ 375 คน
จะทำให้แต่ละเขต ซึ่งเป็นเขตเดียวเบอร์เดียวมีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่าเขต ส.อบจ. ซึ่งเป็นหลักคิดของ ดร.สมบัติ ซึ่งแนวคิดของรัฐบาลก็ต้องเดินตามแนวคิดของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นไว้ก็คือ ดร.สมบัติ จน ส.ส.พรรค ปชป.ก็เห็นด้วยแนวทางดังกล่าว จำนวน ส.ส.ถ้ามากเกินไปมันจะไปทับซ้อนกับท้องถิ่นมากไป เพราะฉะนั้นตัวเลข 375 กับ 125 น่าจะเป็นตัวเลขที่เป็นไปได้
ส่วนพรรคร่วมก็คงคุยกันอีกรอบ แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของสภาถ้าสภาตัดสินอย่างไร รัฐบาลก็ต้องเอาตามนั้น เป็นวิธีคิดของระบบประชาธิปไตยประโยชน์ที่จะจับต้องได้คงยาก แต่เป็นหลักที่นักการเมืองเขาถกกันอยู่นาน เพราะคิดว่าจะทำให้พรรคการเมืองเข้มแข็ง และประชาชนได้มีโอกาสใกล้ชิดนักการเมืองมากขึ้นหรือไม่
