นครศรีธรรมราช - ผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.6 เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับครูที่เฆี่ยนตีบุตรสาวด้วยไม้หวาย จนทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างไร้เหตุผล เผยแค่ตรวจทรงผมผ่านเกณฑ์ยังถูกตีก้นยับ และยังถูกครูกดดันให้ถอนแจ้งความ ด้านตำรวจเผยสอบครูครั้งแรกสารภาพก่อนพลิกลิ้นในชั้นอัยการ
วันนี้ (7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสตรีปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากบุตรสาวถูกครูทำโทษเฆี่ยนตีด้วยไม้หวาย จนทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างไร้เหตุผล และเมื่อแจ้งความแล้วได้ถูกครูช่วยกันกดดันนักเรียน และผู้ปกครองเพื่อให้ถอนแจ้งความเนื่องจากเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับโรงเรียน ทำให้บุตรสาวเกิดความเครียดอย่างมากรวมทั้งผู้ปกครอง
ในชั้นสอบสวนครูรายนี้ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อส่งสำนวนไปยังชั้นอัยการกลับให้การปฏิเสธ จนอัยการส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจมีการสอบสวนใหม่
น.ส.ฝ้าย (นามสมติ) อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนมัธยมในฐานะผู้เสียหาย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าวันที่เกิดเหตุเป็นวันที่ 16 ธ.ค. 2553 เช้าวันนั้นครูได้ประกาศว่าจะมีการตรวจทรงผมเครื่องแต่งกาย และเมื่อตรวจแล้วปรากฏว่า ตนนั้นผ่านการตรวจต้องไปยืนในกลุ่มที่ผ่าน ส่วนที่ไม่ผ่านนั้นไปยืนอีกกลุ่มหนึ่ง
“การตรวจเริ่มจากชั้น ม.6/5 จนมาถึง ม.6/1 หลังจากนั้นก็เริ่มทำโทษมีนักเรียนชั้น ม.6 ทั้งหมด 190 คน ชาย 30 คน หญิง 160 คนถูกทำโทษ ส่วนตนนั้นถูกผลักออกมาและถูกตีทันทีทั้งที่บอกว่าผ่านการตรวจแล้ว ครูมีความสุขกับการตีมากนักเรียนหญิงบางคนกรีดร้องเป็นลมด้วยความเจ็บปวดก็มี ส่วนตนนั้นถูกตี 3 ทีที่ก้นทั้งสองข้างแตกช้ำเลือดซึมเป็นรอยไม้หวาย และไม้หวายนั้นยังพลาดมาโดนมือและแขน เนื่องจากหวายเส้นนั้นยาวประมาณ 1.5 เมตรโตขนาดหัวแม่มือด้ามจับพันด้วยเทปอย่างดี ด้วยความเจ็บปวด และถูกตีทั้งที่ไม่มีความผิดจึงบอกพ่อมาพบครูกลับอ้างว่าไม่ว่างจึงต้องมาแจ้งความ ส่วนคนอื่นๆนั้นไม่มีใครกล้ามาแจ้งความ ทำให้หนูและครอบครัวเครียดมาก เพราะถูกครูกดดันให้ถอนแจ้งความอย่างหนัก” น.ส.ฝ้ายกล่าว
ด้าน ร.ต.อ.ไพรัช จิรักษา พนักงานสอบสวน สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของคดี เปิดเผยว่าผู้ปกครองและนักเรียนได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับครูเรียบร้อยแล้วในวันที่เกิดเหตุ ซึ่งหลังจากนั้นได้เรียกตัวครูมารับทราบข้อกล่าวหาคือทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ ซึ่งทางผู้เสียหายใช้ใบรับรองแพทย์มายืนยันถึงอาการบาดเจ็บไม่ถึงอันตรายสาหัสจะต้องรักษาตัวราว 7-10 วัน
“ในการสอบสวนครูปรากฏว่าครูให้การรับสารภาพจึงได้สรุปสำนวนสอบสวนส่งพนักงานอัยการ แต่ปรากฏว่า เมื่อไปถึงชั้นอัยการครูผู้ต้องหากลับให้การปฎิเสธ พนักงานอัยการจึงส่งสำนวนกลับมา ทางพนักงานสอบสวนจึงต้องสอบสวนใหม่ และสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มเติมก่อนที่จะส่งไปยังอัยการอีกครั้ง” พนักงานสอบสวนกล่าว
ร.ต.อ.ไพรัช จิรักษา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดียังกล่าวต่อว่า ในการสอบสวนครั้งหลังทางฝ่ายครูที่ตกเป็นผู้ต้องหาให้การว่าได้ทำโทษไปตามข้อตกลงของโรงเรียน ขณะที่ฝ่ายผู้เสียหายยืนยันว่าไม่ได้มีความผิด เพราะผ่านการตรวจและถูกกันไปยืนในกลุ่มนักเรียนที่ผ่านการตรวจกลับถูกเรียกไปทำโทษอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้ผู้เสียหายเห็นว่าเป็นการลงโทษที่ไม่ถูกต้องแม้จะถูกต้องก็เห็นว่าทำเกินกว่าเหตุ ในส่วนของคดีเข้าใจว่าคงไปจบที่ชั้นศาล
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อนายศุภรัตน์ มุสิกะ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีปากพนัง ในฐานะผู้บริหารโรงเรียนที่เกิดเหตุผ่านทางโทรศัพท์ครั้งแรกรับสาย เมื่อถามถึงเรื่องนี้นายศุภรัตน์ตัดบทบอกว่ากำลังคุยอยู่กับเจ้านายให้ติดต่อมาใหม่ แต่เมื่อติดต่อครั้งหลังหลายครั้งปรากฏว่านายศุภรัตน์ไม่รับสายอีกเลย
วันนี้ (7 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้รับแจ้งจากผู้ปกครองนักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนสตรีปากพนัง อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากบุตรสาวถูกครูทำโทษเฆี่ยนตีด้วยไม้หวาย จนทำให้ได้รับบาดเจ็บอย่างไร้เหตุผล และเมื่อแจ้งความแล้วได้ถูกครูช่วยกันกดดันนักเรียน และผู้ปกครองเพื่อให้ถอนแจ้งความเนื่องจากเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้กับโรงเรียน ทำให้บุตรสาวเกิดความเครียดอย่างมากรวมทั้งผู้ปกครอง
ในชั้นสอบสวนครูรายนี้ให้การรับสารภาพกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เมื่อส่งสำนวนไปยังชั้นอัยการกลับให้การปฏิเสธ จนอัยการส่งสำนวนกลับมาให้ตำรวจมีการสอบสวนใหม่
น.ส.ฝ้าย (นามสมติ) อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนมัธยมในฐานะผู้เสียหาย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่าวันที่เกิดเหตุเป็นวันที่ 16 ธ.ค. 2553 เช้าวันนั้นครูได้ประกาศว่าจะมีการตรวจทรงผมเครื่องแต่งกาย และเมื่อตรวจแล้วปรากฏว่า ตนนั้นผ่านการตรวจต้องไปยืนในกลุ่มที่ผ่าน ส่วนที่ไม่ผ่านนั้นไปยืนอีกกลุ่มหนึ่ง
“การตรวจเริ่มจากชั้น ม.6/5 จนมาถึง ม.6/1 หลังจากนั้นก็เริ่มทำโทษมีนักเรียนชั้น ม.6 ทั้งหมด 190 คน ชาย 30 คน หญิง 160 คนถูกทำโทษ ส่วนตนนั้นถูกผลักออกมาและถูกตีทันทีทั้งที่บอกว่าผ่านการตรวจแล้ว ครูมีความสุขกับการตีมากนักเรียนหญิงบางคนกรีดร้องเป็นลมด้วยความเจ็บปวดก็มี ส่วนตนนั้นถูกตี 3 ทีที่ก้นทั้งสองข้างแตกช้ำเลือดซึมเป็นรอยไม้หวาย และไม้หวายนั้นยังพลาดมาโดนมือและแขน เนื่องจากหวายเส้นนั้นยาวประมาณ 1.5 เมตรโตขนาดหัวแม่มือด้ามจับพันด้วยเทปอย่างดี ด้วยความเจ็บปวด และถูกตีทั้งที่ไม่มีความผิดจึงบอกพ่อมาพบครูกลับอ้างว่าไม่ว่างจึงต้องมาแจ้งความ ส่วนคนอื่นๆนั้นไม่มีใครกล้ามาแจ้งความ ทำให้หนูและครอบครัวเครียดมาก เพราะถูกครูกดดันให้ถอนแจ้งความอย่างหนัก” น.ส.ฝ้ายกล่าว
ด้าน ร.ต.อ.ไพรัช จิรักษา พนักงานสอบสวน สภ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของคดี เปิดเผยว่าผู้ปกครองและนักเรียนได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีกับครูเรียบร้อยแล้วในวันที่เกิดเหตุ ซึ่งหลังจากนั้นได้เรียกตัวครูมารับทราบข้อกล่าวหาคือทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นอันตรายแก่ร่างกายและจิตใจ ซึ่งทางผู้เสียหายใช้ใบรับรองแพทย์มายืนยันถึงอาการบาดเจ็บไม่ถึงอันตรายสาหัสจะต้องรักษาตัวราว 7-10 วัน
“ในการสอบสวนครูปรากฏว่าครูให้การรับสารภาพจึงได้สรุปสำนวนสอบสวนส่งพนักงานอัยการ แต่ปรากฏว่า เมื่อไปถึงชั้นอัยการครูผู้ต้องหากลับให้การปฎิเสธ พนักงานอัยการจึงส่งสำนวนกลับมา ทางพนักงานสอบสวนจึงต้องสอบสวนใหม่ และสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์เพิ่มเติมก่อนที่จะส่งไปยังอัยการอีกครั้ง” พนักงานสอบสวนกล่าว
ร.ต.อ.ไพรัช จิรักษา พนักงานสอบสวนเจ้าของคดียังกล่าวต่อว่า ในการสอบสวนครั้งหลังทางฝ่ายครูที่ตกเป็นผู้ต้องหาให้การว่าได้ทำโทษไปตามข้อตกลงของโรงเรียน ขณะที่ฝ่ายผู้เสียหายยืนยันว่าไม่ได้มีความผิด เพราะผ่านการตรวจและถูกกันไปยืนในกลุ่มนักเรียนที่ผ่านการตรวจกลับถูกเรียกไปทำโทษอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้ผู้เสียหายเห็นว่าเป็นการลงโทษที่ไม่ถูกต้องแม้จะถูกต้องก็เห็นว่าทำเกินกว่าเหตุ ในส่วนของคดีเข้าใจว่าคงไปจบที่ชั้นศาล
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวพยายามติดต่อนายศุภรัตน์ มุสิกะ ผู้อำนวยการโรงเรียนสตรีปากพนัง ในฐานะผู้บริหารโรงเรียนที่เกิดเหตุผ่านทางโทรศัพท์ครั้งแรกรับสาย เมื่อถามถึงเรื่องนี้นายศุภรัตน์ตัดบทบอกว่ากำลังคุยอยู่กับเจ้านายให้ติดต่อมาใหม่ แต่เมื่อติดต่อครั้งหลังหลายครั้งปรากฏว่านายศุภรัตน์ไม่รับสายอีกเลย
