นราธิวาส - โจรใต้คะนองหลังจีที.200 เลิกใช้งาน ทหารตำรวจต้องใช้เหล็กแหลมและไม้ไผ่ตรวจสอบวุ่นรถต้องสงสัย หลังโจรใต้ประกาศข่มขู่เตรียมนำระเบิดคาร์บอมบ์ แฝงตัวนำมาก่อวินาศกรรม
รายงานข่าวความเคลื่อนไหวจากเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการทดลองประสิทธิภาพของเครื่องตรวจมวลสาร จีที.200 ได้ขอสรุปว่าไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการใช้งานตรวจจับวัตถุระเบิด จนหลายหน่วยงานไม่กล้าที่จะนำมาใช้ เนื่องจากเกรงจะถูกตำหนิจากผู้บังคับบัญชา ที่หลายฝ่ายมีความเห็นขัดแย้งกัน
อย่างไรก็ตาม ส่งผลทำให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีได้มีการเคลื่อนไหวกันอย่างลับๆ ด้วยการประกอบระเบิดแสวงเครื่องใส่ไว้ในรถยนต์กระบะ 2 คัน คือ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทตั้นสีดำไม่ทราบหมายทะเบียน และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ไม่ทราบรุ่นสีและแผ่นป้ายทะเบียน เพื่อลักลอบแฝงตัวเคลื่อนย้ายนำเข้ามาก่อวินาศกรรม ในเขตพื้นที่ชุมชนและย่านธุรกิจการค้าอำเภอใดอำเภอหนึ่งของจังหวัดนราธิวาส
จากการตระเวนตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสายหลักและสายรอง โดยเฉพาะเขตรอยต่อระหว่างอำเภอสุไหงปาดี กับอำเภอสุไหงโก-ลกซึ่งเป็น 1 ในพื้นที่เป้าหมายของคนร้าย ที่ได้ประกาศข่มขู่ไว้จะลอบก่อเหตุร้ายครั้งใหญ่ขึ้นด้วยการวางระเบิดคาร์บอมบ์ พบว่าจนท.ประจำจุดตรวจจุดสกัดหันมาใช้ไม้ไผ่ ขนาด 1 ฟุต แหย่ลงไปตรวจสอบในถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรถจักรยานยนต์ ทุกคันที่ผ่านจุดตรวจ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มคนร้ายมักจะนิยมประกอบระเบิดแสวงเครื่องใส่ไว้ในถังน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะยากที่เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบในที่มิดชิด
นอกจากนี้ แล้วเจ้าหน้าที่ยังได้ใช้เหล็กแหลมขนาด 1 เมตร ในการตรวจสอบรถยนต์บรรทุกต้องสงสัยที่ขับผ่านไปมา โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีผ้าเต็นท์ปิดท้ายกระบะอย่างมิดชิด รวมทั้งการก้มมองใช้สายตาสอดส่องไปใต้บริเวณท้องรถต้องสงสัย
เจ้าหน้าที่แหล่งข่าวรายเดิมได้ให้รายละเอียดเกี่ยวความเชื่อมั่นต่อเครื่องตรวจมวลสารจีที 200 ว่า หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาแถลงข้อสรุปว่า ไม่มีประสิทธิภาพในการใช้งาน จนหลายหน่วยงานได้ยกเลิกใช้เป็นการถาวรนั้น ส่งผลทำให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีที่เคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม จึงได้มีการประชุมวางแผนด้วยการลักลอบผลิตระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ไว้ภาชนะต่างๆ รวมทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์เพื่อหาโอกาสที่จะนำวัตถุระเบิดที่ประกอบแล้วเสร็จ นำดังกล่าว ไปตระเวนก่อเหตุร้ายยังพื้นที่ต่างๆใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
รายงานข่าวความเคลื่อนไหวจากเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายปัญหาความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดเผยว่า หลังจากที่มีการทดลองประสิทธิภาพของเครื่องตรวจมวลสาร จีที.200 ได้ขอสรุปว่าไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการใช้งานตรวจจับวัตถุระเบิด จนหลายหน่วยงานไม่กล้าที่จะนำมาใช้ เนื่องจากเกรงจะถูกตำหนิจากผู้บังคับบัญชา ที่หลายฝ่ายมีความเห็นขัดแย้งกัน
อย่างไรก็ตาม ส่งผลทำให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีได้มีการเคลื่อนไหวกันอย่างลับๆ ด้วยการประกอบระเบิดแสวงเครื่องใส่ไว้ในรถยนต์กระบะ 2 คัน คือ ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทตั้นสีดำไม่ทราบหมายทะเบียน และรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ไม่ทราบรุ่นสีและแผ่นป้ายทะเบียน เพื่อลักลอบแฝงตัวเคลื่อนย้ายนำเข้ามาก่อวินาศกรรม ในเขตพื้นที่ชุมชนและย่านธุรกิจการค้าอำเภอใดอำเภอหนึ่งของจังหวัดนราธิวาส
จากการตระเวนตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร ที่ตั้งจุดตรวจจุดสกัดบนถนนสายหลักและสายรอง โดยเฉพาะเขตรอยต่อระหว่างอำเภอสุไหงปาดี กับอำเภอสุไหงโก-ลกซึ่งเป็น 1 ในพื้นที่เป้าหมายของคนร้าย ที่ได้ประกาศข่มขู่ไว้จะลอบก่อเหตุร้ายครั้งใหญ่ขึ้นด้วยการวางระเบิดคาร์บอมบ์ พบว่าจนท.ประจำจุดตรวจจุดสกัดหันมาใช้ไม้ไผ่ ขนาด 1 ฟุต แหย่ลงไปตรวจสอบในถังน้ำมันเชื้อเพลิงของรถจักรยานยนต์ ทุกคันที่ผ่านจุดตรวจ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา กลุ่มคนร้ายมักจะนิยมประกอบระเบิดแสวงเครื่องใส่ไว้ในถังน้ำมันเชื้อเพลิง เพราะยากที่เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบในที่มิดชิด
นอกจากนี้ แล้วเจ้าหน้าที่ยังได้ใช้เหล็กแหลมขนาด 1 เมตร ในการตรวจสอบรถยนต์บรรทุกต้องสงสัยที่ขับผ่านไปมา โดยเฉพาะรถยนต์ที่มีผ้าเต็นท์ปิดท้ายกระบะอย่างมิดชิด รวมทั้งการก้มมองใช้สายตาสอดส่องไปใต้บริเวณท้องรถต้องสงสัย
เจ้าหน้าที่แหล่งข่าวรายเดิมได้ให้รายละเอียดเกี่ยวความเชื่อมั่นต่อเครื่องตรวจมวลสารจีที 200 ว่า หลังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ออกมาแถลงข้อสรุปว่า ไม่มีประสิทธิภาพในการใช้งาน จนหลายหน่วยงานได้ยกเลิกใช้เป็นการถาวรนั้น ส่งผลทำให้กลุ่มผู้ไม่หวังดีที่เคลื่อนไหวในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
อย่างไรก็ตาม จึงได้มีการประชุมวางแผนด้วยการลักลอบผลิตระเบิดแสวงเครื่องประกอบใส่ไว้ภาชนะต่างๆ รวมทั้งรถยนต์ และรถจักรยานยนต์เพื่อหาโอกาสที่จะนำวัตถุระเบิดที่ประกอบแล้วเสร็จ นำดังกล่าว ไปตระเวนก่อเหตุร้ายยังพื้นที่ต่างๆใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้
