ยะลา - นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ประธานกดปุ่มโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของหมู่บ้านจำนวน 2,249 หมู่บ้าน เป็นเงิน 512,772,000 บาท ตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับหมู่บ้าน เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
วันนี้ (19 ก.พ.) ที่หอประชุมศรีนิบง ภายในศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะเดินทางมาเป็นประธานกดปุ่มโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของหมู่บ้านๆ ละ 228,000 บาท จำนวน 2,249 หมู่บ้าน เป็นเงิน 512,772,000 บาท ตามโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนระดับหมู่บ้าน หรือ (พนม.) ซึ่งเป็นโครงการแก้ปัญหาความเดือดร้อนที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนให้กับประชาชน
ทั้งนี้ เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ภายใต้กระบวนการให้ประชาชนมีส่วนร่วม ให้คิดเอง ตัดสินใจเอง และดำเนินการเอง ตามหลักการมีส่วนร่วมและพึ่งพาตนเอง ในงานการแสดงนิทรรศการ ความสำเร็จของโครงการต่างๆ ของแต่ละพื้นที่ ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ประกอบด้วย จ.ยะลา ปัตตานี นราธิวาส สงขลาและสตูล พร้อมกับมอบรางวัลการประกวดหมู่บ้านที่มีผลงานดีเด่นอีกด้วย
นายถาวร กล่าวว่า การเพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนกว่า 2 พันกว่าหมู่บ้าน เป็นการสร้างงาน และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความสงบ เรื่องรายได้ เรื่องที่อยู่อาศัย การเพิ่มอาชีพ การเสริมอาชีพ ต่อยอดอาชีพ ชี้วัดได้เลยว่า ประชาชนพึ่งพอใจและเรียกร้องขอ สิ่งที่สำคัญที่สุดประชาชนได้คิดเอง ทำเอง ท่ามกลางการประคับประคองของทางราชการ โดยที่ข้าราชการไม่เข้าไปแทรกแซงการทำงาน ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปทั้ง 5 จังหวัดแล้ว โดยใช้ผู้ทีประสบการณ์จาก 3 จังหวัด 4 อำเภอของสงขลา ไปเป็นพี่เลี้ยงในพื้นที่อีก 12 อำเภอของจังหวัดสงขลา โดยใช้ผู้ว่าราชการจังหวัด ในฐานะ ผอ.รมน.จังหวัด รับผิดชอบ
นายถาวร กล่าวถึงความสำเร็จของโครงการว่า ประชาชนต้องร่วมกันอย่างจริงใจ จึงจะเกิดความเข้มแข็ง ในเรื่องของการบริหารจัดการ จะเกิดความสามัคคี ทำงานร่วมกันได้ และฝึกการบริหารงานให้เกิดความโปร่งใส โดยมี 4 เสาหลักเป็นพี่เลี้ยงที่ดีที่สุด เพราะจะรู้ปัญหา รู้วิถีชีวิต ดังนั้นการตรวจเยี่ยมในพื้นที่จริง จากที่ตนเองได้เห็นตัวอย่างจากโครงการดีๆ ในวันนี้ จึงมั่นใจว่าโครงการประสบผลสำเร็จ ส่วนการโปร่งใสในการใช้งบประมาณนั้น จะมีเจ้าหน้าที่ ที่เกี่ยวข้องคอยติดตามอยู่ ที่สำคัญประชาชนได้ทำประชาคมมาก่อนแล้ว จึงเป็นโครงการที่โปร่งใสไม่มีการร้องเรียนแต่อย่างใด
