นราธิวาส - ตำรวจบุกจับ 5 ผู้ต้องหาค้าน้ำมันเถื่อนข้ามชาติรายใหญ่ ขณะขนถ่ายจากเรือเข้าโกดังที่อำเภอตากใบ ยึดน้ำมันดีเซลเกือบ 2 หมื่นลิตร พร้อมด้วยเรือประมง เครื่องสูบน้ำ ถังน้ำมัน มูลค่ารวมกว่า 5 ล้านบาท
เมื่อเวลา 05.00 น.วันนี้ (19 ก.พ.) พล.ต.ต.นราศักดิ์ เชียงสุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ และ พ.ต.อ.จักรพร แท่นทอง ผกก.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้ร่วมสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 30 นาย เข้าพิสูจน์ทราบที่บริเวณริมคลองตาบา บ้านปอเยาะ ม.1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าบริเวณดังกล่าวเป็นที่ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเถื่อนรายใหญ่
เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบเรือประมงขนาดใหญ่ K9 ซึ่งจอดเทียบอยู่ที่ริมตลิ่งได้มีการสูบน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปใส่ถังไว้ในโกดัง และมีการสูบน้ำมันเชื้อเพลิงจากโกดังไปยังรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน 5382 ยะลา แถมยังมีรถยนต์กระบะยี่ห้อยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กสีเทา ทะเบียน บฉ-1029 ยะลา จอดรอคิวเพื่อสูบน้ำมันจากโกดังใส่ท้ายกระบะบรรทุกที่ได้มีการดัดแปลงเชื่อมเหล็กเป็นถัง 4 เหลี่ยมผืนผ้าขนาดยาว 2.5 เมตร กว้าง 1.5 เมตร สูง 1.5 เมตร แล้วมีโครงเหล็กที่ใช้สำหรับเป็นแผงกันสินค้าตกหล่นจากท้ายกระบะเชื่อมต่อขึ้นสูงจากกระบะบรรทุกหลังประมาณ 2.5 เมตร ที่สำคัญยังมีตะกร้าใส่ผลไม้วางทับอยู่ด้านบน เพื่อเป็นการอำพรางการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ขณะขับรถยนต์ผ่านจุดตรวจต่างๆ
เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นกับบุคคลทั้ง 5 คน ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ 1.นายกฤษฎา สุวรรณประการ อายุ 43 ปี ไต๋กงเรือ 2.นายอภิชาต ดาเล็ม อายุ 43 ปี ลูกเรือ 3.นายรอดีน หะยีมามะ อายุ 45 ปี เจ้าของรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า 4.นายอับดุลเลาะ นอรี อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ และ 5.นายสูไฮมี ดอรอนา อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นเด็กท้ายรถของนายอับดุลเลาะ และเข้าควบคุมตัว
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะได้แยกย้ายกันตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในโกดังมีถังพลาสติก 4 เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด 2 เมตร มีน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลบรรจุอยู่จำนวนกว่า 30 ใบ พร้อมด้วยเครื่องสูบน้ำคูโบต้า จำนวน 1 เครื่อง โดยเฉพาะที่บริเวณใต้ท้องเรือประมง K9 ที่ได้ดัดแปลงใต้ท้องเรือเป็นถังบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดน้ำมันเชื้อเพลิงดีเชล จำนวนทั้งสิ้น 17,000 ลิตร ซึ่งมีมูลค่า 480,760 บาท พร้อมทั้งได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด เช่น เรือประมง เครื่องสูบน้ำ หัวจ่าย รถยนต์กระบะและถังพลาสติกที่ใช้บรรจุน้ำมันเชื้อ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 5,000,000 บาท และควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ไปทำการสอบสวนในเบื้องต้นที่ สภ.ตากใบ
โดย นายกฤษฎา สุวรรณประการ ไต๋กงเรือ ให้การรับสารภาพว่า น้ำมันเถื่อนของกลางดังกล่าวเป็นของตน ซึ่งได้มีการนัดแนะกับเอเยนต์ค้าน้ำมันเถื่อนชาวมาเลเซียส่งมอบและซื้อขายกันกลางทะเลเขตรอยต่อระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยจะแฝงตัวนำเรือประมงที่ดัดแปลงออกไปจับปลา เพื่อเป็นการตบตาเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนได้รับซื้อน้ำมันในราคาลิตรละ 16 บาท แล้วนำไปจำหน่ายต่อให้กับนายอับดุลเลาะ และนายสูไฮมี ซึ่งเป็นลูกค้าประจำในราคาลิตรละ 20-26 บาท ขึ้นอยู่กับราคาจำหน่ายในประเทศไทย แล้วนายอับดุลเลาะ และนายสูไฮมี ได้ซื้อน้ำมันเถื่อนไปส่งขายตามปั๊มต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วแต่ออเดอร์ในแต่ละวันว่าปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงสถานีใดต้องการวันละกี่ลิตร ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจะมีการจ่ายค่าหัวคิวให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องของการขนถ่ายและการลักลอบจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งดำเนินคดีต่อบุคคลทั้ง 5 ในข้อหานำหรือพาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่เสียภาษีผ่านศุลกากรโดยไม่ถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร
เมื่อเวลา 05.00 น.วันนี้ (19 ก.พ.) พล.ต.ต.นราศักดิ์ เชียงสุข ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนศูนย์ปฏิบัติการตำรวจชายแดนภาคใต้ และ พ.ต.อ.จักรพร แท่นทอง ผกก.สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส ได้ร่วมสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ จำนวน 30 นาย เข้าพิสูจน์ทราบที่บริเวณริมคลองตาบา บ้านปอเยาะ ม.1 ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ หลังได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าบริเวณดังกล่าวเป็นที่ลักลอบจำหน่ายน้ำมันเถื่อนรายใหญ่
เมื่อถึงบริเวณดังกล่าวเจ้าหน้าที่พบเรือประมงขนาดใหญ่ K9 ซึ่งจอดเทียบอยู่ที่ริมตลิ่งได้มีการสูบน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปใส่ถังไว้ในโกดัง และมีการสูบน้ำมันเชื้อเพลิงจากโกดังไปยังรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้าวีโก้ สีบรอนซ์ ทะเบียน 5382 ยะลา แถมยังมีรถยนต์กระบะยี่ห้อยี่ห้ออีซูซุ ดีแม็กสีเทา ทะเบียน บฉ-1029 ยะลา จอดรอคิวเพื่อสูบน้ำมันจากโกดังใส่ท้ายกระบะบรรทุกที่ได้มีการดัดแปลงเชื่อมเหล็กเป็นถัง 4 เหลี่ยมผืนผ้าขนาดยาว 2.5 เมตร กว้าง 1.5 เมตร สูง 1.5 เมตร แล้วมีโครงเหล็กที่ใช้สำหรับเป็นแผงกันสินค้าตกหล่นจากท้ายกระบะเชื่อมต่อขึ้นสูงจากกระบะบรรทุกหลังประมาณ 2.5 เมตร ที่สำคัญยังมีตะกร้าใส่ผลไม้วางทับอยู่ด้านบน เพื่อเป็นการอำพรางการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่ขณะขับรถยนต์ผ่านจุดตรวจต่างๆ
เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเพื่อขอตรวจค้นกับบุคคลทั้ง 5 คน ที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว ซึ่งทราบชื่อต่อมาคือ 1.นายกฤษฎา สุวรรณประการ อายุ 43 ปี ไต๋กงเรือ 2.นายอภิชาต ดาเล็ม อายุ 43 ปี ลูกเรือ 3.นายรอดีน หะยีมามะ อายุ 45 ปี เจ้าของรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า 4.นายอับดุลเลาะ นอรี อายุ 29 ปี เจ้าของรถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ และ 5.นายสูไฮมี ดอรอนา อายุ 29 ปี ซึ่งเป็นเด็กท้ายรถของนายอับดุลเลาะ และเข้าควบคุมตัว
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะได้แยกย้ายกันตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ และพบว่าภายในโกดังมีถังพลาสติก 4 เหลี่ยมจัตุรัส ขนาด 2 เมตร มีน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลบรรจุอยู่จำนวนกว่า 30 ใบ พร้อมด้วยเครื่องสูบน้ำคูโบต้า จำนวน 1 เครื่อง โดยเฉพาะที่บริเวณใต้ท้องเรือประมง K9 ที่ได้ดัดแปลงใต้ท้องเรือเป็นถังบรรจุน้ำมันเชื้อเพลิงขนาดใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจยึดน้ำมันเชื้อเพลิงดีเชล จำนวนทั้งสิ้น 17,000 ลิตร ซึ่งมีมูลค่า 480,760 บาท พร้อมทั้งได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด เช่น เรือประมง เครื่องสูบน้ำ หัวจ่าย รถยนต์กระบะและถังพลาสติกที่ใช้บรรจุน้ำมันเชื้อ ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 5,000,000 บาท และควบคุมผู้ต้องหาทั้ง 5 คน ไปทำการสอบสวนในเบื้องต้นที่ สภ.ตากใบ
โดย นายกฤษฎา สุวรรณประการ ไต๋กงเรือ ให้การรับสารภาพว่า น้ำมันเถื่อนของกลางดังกล่าวเป็นของตน ซึ่งได้มีการนัดแนะกับเอเยนต์ค้าน้ำมันเถื่อนชาวมาเลเซียส่งมอบและซื้อขายกันกลางทะเลเขตรอยต่อระหว่างไทยกับมาเลเซีย โดยจะแฝงตัวนำเรือประมงที่ดัดแปลงออกไปจับปลา เพื่อเป็นการตบตาเจ้าหน้าที่ ซึ่งตนได้รับซื้อน้ำมันในราคาลิตรละ 16 บาท แล้วนำไปจำหน่ายต่อให้กับนายอับดุลเลาะ และนายสูไฮมี ซึ่งเป็นลูกค้าประจำในราคาลิตรละ 20-26 บาท ขึ้นอยู่กับราคาจำหน่ายในประเทศไทย แล้วนายอับดุลเลาะ และนายสูไฮมี ได้ซื้อน้ำมันเถื่อนไปส่งขายตามปั๊มต่างๆ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ แล้วแต่ออเดอร์ในแต่ละวันว่าปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิงสถานีใดต้องการวันละกี่ลิตร ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจะมีการจ่ายค่าหัวคิวให้กับเจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่ออำนวยความสะดวกในเรื่องของการขนถ่ายและการลักลอบจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ
เจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งดำเนินคดีต่อบุคคลทั้ง 5 ในข้อหานำหรือพาน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่เสียภาษีผ่านศุลกากรโดยไม่ถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักร