ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 6 ร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจ จัดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "ผลักดันการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจจังหวัดภูเก็ต” เผยปี 52 โครงการการลงทุนที่ได้รับการสนับสนุน 122 โครงการ เงินลงทุนกว่า 49,000 ล้านบาท ระบุปัจจัยการเมือง-เศรษฐกิจส่งผลกระทบการลงทุนในภูเก็ตปี 53
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย รองเลขาธิการ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "ผลักดันการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดภูเก็ต” ซึ่งศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 6 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม จัดขึ้นว่า สภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต ส่วนใหญ่จะผูกขาดจากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสนับสนุนการท่องเที่ยว
เช่น ธุรกิจโรงแรม โรงพยาบาล เรือเช่า เรือนำเที่ยว มารีน่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซอฟต์แวร์ เป็นต้น ทำให้มีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 87,314 ล้านบาท ในปี 2551 และคาดว่าในปีถัดไปจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 95,000 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ตมีนโยบายผลักดันโครงการ Phuket ICT R&D Innovation Paradise เพื่อชักจูงบริษัท ICT ชั้นนำระดับโลกมาลงทุนโดยตั้งเป้าสร้างรายได้จากการลงทุนด้านดังกล่าว 40,000 ล้านบาท ภายในปี 2554
นางสาวอัจฉรินทร์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการส่งเสริมการลงทุนในส่วนจังหวัดภูเก็ต จนถึงสิ้นปี 2552 มีโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนรวมทั้งสิ้น 122 โครงการ เป็นเงินเงินลงทุน 49,575 ล้านบาท และการจ้างงานคนไทย 20,158 คน ซึ่งภูเก็ตนับเป็นจังหวัดที่มีโครงการเข้ามาเป็นอันดับที่สองในภาคใต้ตอนบนรองจากจังหวัดสุราษฏร์ธานีที่มีการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 237 โครงการ เงินลงทุน 50,009 ล้านบาท และการจ้างงานคนไทย 36,163 คน อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการที่ได้รับอนุมัติจำนวน 122 โครงการขณะนี้เปิดดำเนินการแล้ว 55 โครงการ
ขณะที่ขนาดการลงทุนโครงการส่วนใหญ่ เป็นโครงการขนาดกลาง และขนาดย่อม เงินลงทุนในโครงการไม่เกิน 200 ล้านบาท และส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกิจการโรงแรมและกิจการสนับสนุนการท่องเที่ยวมากสุด 72 โครงการ เช่น กิจการเรือนำเที่ยว เรือเฟอร์รี่ สวนน้ำ และอื่นๆ รองลงมาเป็นประเภทอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวน 20 โครงการ เป็นการลงทุนในกิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์ และประเภทเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร จำนวน 18 โครงการ เป็นการลงทุนในกิจการหอยเป๋าฮื้อ ผลิตถุงมือยาง กิจการห้องเย็น กิจการผลิตอาหาร เป็นต้น และในจำนวน 122 โครงการดังกล่าวเป็นโครงการของคนไทยทั้งสิ้น จำนวน 54 โครงการ ร่วมทุนไทยกับต่างชาติ 52 โครงการ หุ้นต่างชาติทั้งสิ้น 16 โครงการ
“จังหวัดภูเก็ตคาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพื้นที่เหมาะสมกับการลงทุน ทางด้านการท่องเที่ยว สนับสนุนการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ส่วนกิจการที่คาดว่าจะลงทุน ก็จะได้แก่อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค กิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและบริการพื้นฐาน, กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร และอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่นกิจการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากยางพารา กิจการแปรรูปอาหาร กิจการห้องเย็น กิจการต่อเรือซ่อมเรือ กิจการผลิตเครื่องมือทางการแพทย์เหล่านี้เป็นต้น
นางสาวอัจฉรินทร์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามการลงทุนในจังหวัดภูเก็ต ยังคงมีปัจจัยที่เป็นตัวแปรสำคัญด้านต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ การเมือง ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และแรงงาน เป็นต้น ล้วนแล้วเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุนในปี 2553
นางสาวอัจฉรินทร์ พัฒนพันธ์ชัย รองเลขาธิการ รักษาการในตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการลงทุน กล่าวภายหลังเป็นประธานเปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการ "ผลักดันการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ จังหวัดภูเก็ต” ซึ่งศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 6 สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน กระทรวงอุตสาหกรรม จัดขึ้นว่า สภาวะเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ต ส่วนใหญ่จะผูกขาดจากภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและสนับสนุนการท่องเที่ยว
เช่น ธุรกิจโรงแรม โรงพยาบาล เรือเช่า เรือนำเที่ยว มารีน่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ซอฟต์แวร์ เป็นต้น ทำให้มีรายได้จากการท่องเที่ยว จำนวน 87,314 ล้านบาท ในปี 2551 และคาดว่าในปีถัดไปจะมีรายได้จากการท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 95,000 ล้านบาทขึ้นไป นอกจากนี้จังหวัดภูเก็ตมีนโยบายผลักดันโครงการ Phuket ICT R&D Innovation Paradise เพื่อชักจูงบริษัท ICT ชั้นนำระดับโลกมาลงทุนโดยตั้งเป้าสร้างรายได้จากการลงทุนด้านดังกล่าว 40,000 ล้านบาท ภายในปี 2554
นางสาวอัจฉรินทร์ ยังได้กล่าวต่อไปว่า สำหรับการส่งเสริมการลงทุนในส่วนจังหวัดภูเก็ต จนถึงสิ้นปี 2552 มีโครงการที่ได้รับอนุมัติการส่งเสริมการลงทุนรวมทั้งสิ้น 122 โครงการ เป็นเงินเงินลงทุน 49,575 ล้านบาท และการจ้างงานคนไทย 20,158 คน ซึ่งภูเก็ตนับเป็นจังหวัดที่มีโครงการเข้ามาเป็นอันดับที่สองในภาคใต้ตอนบนรองจากจังหวัดสุราษฏร์ธานีที่มีการส่งเสริมการลงทุนจำนวน 237 โครงการ เงินลงทุน 50,009 ล้านบาท และการจ้างงานคนไทย 36,163 คน อย่างไรก็ตามสำหรับโครงการที่ได้รับอนุมัติจำนวน 122 โครงการขณะนี้เปิดดำเนินการแล้ว 55 โครงการ
ขณะที่ขนาดการลงทุนโครงการส่วนใหญ่ เป็นโครงการขนาดกลาง และขนาดย่อม เงินลงทุนในโครงการไม่เกิน 200 ล้านบาท และส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในกิจการโรงแรมและกิจการสนับสนุนการท่องเที่ยวมากสุด 72 โครงการ เช่น กิจการเรือนำเที่ยว เรือเฟอร์รี่ สวนน้ำ และอื่นๆ รองลงมาเป็นประเภทอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า จำนวน 20 โครงการ เป็นการลงทุนในกิจการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และซอฟต์แวร์ และประเภทเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร จำนวน 18 โครงการ เป็นการลงทุนในกิจการหอยเป๋าฮื้อ ผลิตถุงมือยาง กิจการห้องเย็น กิจการผลิตอาหาร เป็นต้น และในจำนวน 122 โครงการดังกล่าวเป็นโครงการของคนไทยทั้งสิ้น จำนวน 54 โครงการ ร่วมทุนไทยกับต่างชาติ 52 โครงการ หุ้นต่างชาติทั้งสิ้น 16 โครงการ
“จังหวัดภูเก็ตคาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากพื้นที่เหมาะสมกับการลงทุน ทางด้านการท่องเที่ยว สนับสนุนการท่องเที่ยว อุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ส่วนกิจการที่คาดว่าจะลงทุน ก็จะได้แก่อุตสาหกรรมบริการและสาธารณูปโภค กิจการที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยวและบริการพื้นฐาน, กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยี สารสนเทศและการสื่อสาร และอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่นกิจการแปรรูปผลิตภัณฑ์จากยางพารา กิจการแปรรูปอาหาร กิจการห้องเย็น กิจการต่อเรือซ่อมเรือ กิจการผลิตเครื่องมือทางการแพทย์เหล่านี้เป็นต้น
นางสาวอัจฉรินทร์ กล่าวต่อไปว่า อย่างไรก็ตามการลงทุนในจังหวัดภูเก็ต ยังคงมีปัจจัยที่เป็นตัวแปรสำคัญด้านต่างๆ เช่น ภาวะเศรษฐกิจ การเมือง ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน และแรงงาน เป็นต้น ล้วนแล้วเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุนในปี 2553