ยะลา – "ถาวร เสนเนียม" มท.3 ลงพื้นที่กรงปินัง ยะลา ตรวจเยี่ยมและพบปะหน่วยกำลังในพื้นที่ เสริมสร้างขวัญกำลังใจแก่ผู้ปฏิบัติงาน พร้อมจะเร่งเสนอตั้งศาลชารีอะห์ (ศาลอิสลาม)
วันนี้ (13 ก.พ.) เวลา 14.00 น.ที่สนามหน้าที่ว่าการอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมคณะ เดินทางมาตรวจเยี่ยมพร้อมทั้งพบปะกับหน่วยกำลังทหาร ทหารพราน ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ครู ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา ผู้นำทางจิตวิญญาณ ผู้นำสตรี และ ภาคประชาชน กว่า 1,000 คนร่วมในงาน
นายถาวรได้รับฟังข้อมูลความคืบหน้าการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลกรงปินัง จังหวัดยะลา โดยมี นายประมุข ละมุล รองผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (รอง ผอ.ศอ.บต.) นายกฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา นายสมเกียรติ ศีรษะเนตร นายอำเภอกรงปินัง หัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่จังหวัดยะลา ร่วมให้การต้อนรับ
นายถาวร กล่าวว่า ที่ตนเองเดินทางลงมาในพื้นที่ อำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา ในวันนี้เพื่อติดตามความก้าวหน้าการก่อสร้างอาคารโรงพยาบาลกรงปินัง หากมีการสร้างเสร็จสิ้นแล้ว ประชาชนในพื้นที่ จะได้มีโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้บ้าน ไม่ต้องเดินทางไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในตัวเมืองยะลา ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น และในครั้งนี้ตนเองได้ถือโอกาสมาพบปะพูดคุยกับผู้นำศาสนา ผู้นำท้องถิ่น และ ภาคประชาชน และ พบปะกับหน่วยกำลังทหาร ตำรวจ ทหารพราน ฝ่ายปกครอง ที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานต่อไป
ในส่วนของอำเภอกรงปินัง จังหวัดยะลา มีกองกำลังภาคประชาชน เช่นชุดรักษาความปลอดภัยประจำหมู่บ้าน ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และ ฝ่ายปกครอง เพื่อคอยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชน หมู่บ้าน โดยมี ผู้นำ 4 เสาหลัก ไม่ว่า จะเป็นผู้นำท้องที่ ผู้นำท้องถิ่น ผู้นำศาสนา ผู้นำตามธรรมชาติ เข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้นเป็นลำดับ
ส่วนเรื่องของการจะตั้งศาลชารีอะห์ (ศาลอิสลาม) กฎหมายอิสลามนั้น ในขณะนี้กระบวนการยกร้างใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว มีการจัดเสวนาเพื่อรับฟังความคิดเห็นจากผู้นำศาสนา จากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดทั้ง 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในวันที่ 16 ก.พ.53 ที่จะถึงนี้ เวลา 15.30 น. ที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จะมีการจัดเสวนาโดยจะมีการถ่ายทอดสดทาง สถานีโทรทัศน์ NBT รับชมรับฟังได้ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งแนวทางนี้เป็นแนวทางที่ผู้รู้เกี่ยวกับการจัดตั้งหลักการให้มีการจัดตั้งศาลชารีอ่ะห์ขึ้น โดยที่ผ่านมามีพี่น้องประชาชนบางส่วนคิดว่าเราได้เอาอำนาจอธิปไตยไปให้กับคนอื่นซึ่งจริงๆแล้วเป็นการแก่ไขปัญหา ซึ่งมีคดีเกิดขึ้นระหว่างคู่ความที่เป็นมุสลิมด้วยกันเอง เฉพาะคดีที่เกี่ยวกับมรดก และ ครอบครัวเท่านั้น
ดังนั้นหลักศาสนาอิสลาม ซึ่งได้มีการบัญญัติไว้เป็นกฎหมายร่วมที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว และ มรดก เมื่อได้นำเอาหลักศาสนามาใช้ในการแก้ไขปัญหาและข้อพิพาทอันเป็นคดีความถึงศาลก็จะตรงกับแนวความคิดความเชื่อของพี่น้องประชาชนนับว่าเป็นการนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติที่ถูกต้องตามหลักความเข้าใจเข้าถึง เพราะศาลชารีอะห์ นั้นพี่น้องในพื้นที่เรียกร้องมานานแล้ว โดยจริงๆ แล้วพี่น้องมุสลิมที่เป็นความกันที่เกี่ยวกับมรดก และ ศาสนา จะสามารถใช้หลักนี้มาดำเนินการ โดยจะมีดาโต๊ะยุติธรรมในศาลจังหวัดหลายศาล แต่ในบางพื้นที่ยังไม่ได้มีดาโต๊ะยุติธรรม ซึ่งการพิจารณาความนั้น จะเอาบทบัญญัติของศาสนาอิสลามมาใช้ เมื่อมีการจัดตั้งศาลชารีอ่ะห์ ขึ้นจะมีวิธีการนำมาใช้องค์ประกอบต่างๆ ให้สมบูรณ์ และ ตนเองมั่นใจว่าการยกร่างกฎหมายฉบับนี้ จะเป็นที่พอใจขอพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และ ในอนาคตข้างหน้า ตนเองตั้งใจที่จะนำไปใช้ในทุก ๆ พื้นที่ ที่มีพี่น้องมุสลิมเป็นคดีความกัน
