นครศรีธรรมราช - พบปลาวาฬเกยหาดปากพนัง จนท.ประมงลุ่มน้ำกู้ชีวิตสำเร็จ 1 ตัว ช่วยไม่ทันเสียชีวิต 1 ตัว คาดหลงฝูงผจญมรสุมจนหมดแรงคลื่นซัดเกยหาด
วันนี้ (28 ม.ค.) นายสนิท ทองสิริ กำนันตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก อ.ปากพนัง นครศรีธรรมราช รับแจ้งจากชาวบ้านเนินน้ำหัก ม.6 ต.ปากพนัง ฝั่งตะวันออก อ.ปากพนัง ว่าพบปลาวาฬถูกคลื่นซัดมาเกยหาดและยังมีชีวิต ซึ่งชาวบ้านได้พยายามให้การช่วยเหลือลากลงทะเลแต่ไม่สำเร็จ หลังจากนั้นจึงแจ้งไปยังศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ เพื่อขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่และผู้เชี่ยวชาญเข้าช่วยชีวิตปลาวาฬตัวดังกล่าว
หลังจากนั้น นายสุกิจ รัตน์วินิจกุล ผอ.ศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปากพนัง นครศรีธรรมราช พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ประมง และผู้เชี่ยวชาญนำอุปกรณ์ช่วยชีวิตทั้งเปลสำหรับปลาวาฬ รถบรรทุก เข้าทำการช่วยปลาวาฬตัวดังกล่าว ซึ่งพบว่าชาวบ้านจำนวนมากต่างพยายามให้การช่วยเหลือ โดยพบว่าวาฬตัวดังกล่าวนั้นอยู่ในสภาพอ่อนเพลีย มีความยาวประมาณ 4 เมตร น้ำหนักประมาณ 500 กก. เพศเมีย
อย่างไรก็ตาม ชาวบ้านจึงใช้เปลช่วยเหลือนำขึ้นบรรทุก 6 ล้อ พร้อมทั้งมีน้ำทะเลราดตัวอยู่ตลอดเวลา ก่อนนำไปปล่อยในบ่อขนาดใหญ่ภายในศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ท่ามกลางชาวบ้านที่ติดตามมาดูด้วยใจระทึก ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนย้ายลงบ่อพบว่าวาฬตัวนี้ยังอยู่ในสภาพอิดโรยค่อนข้างมึนงง ว่ายน้ำวนขวาเพียงอย่างเดียว โดยมีเจ้าหน้าที่เข้าช่วยประคองระยะหนึ่งจึงสามารถว่ายและพ่นน้ำออกจากช่องอากาศบนหัวได้ดีขึ้น ท่ามกลางเสียงเฮของชาวบ้านและเจ้าหน้าที่ด้วยความดีอกดีใจ
นายสนิท ทองสิริ กำนันตำบลปากพนังฝั่งตะวันออก เปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่จะไปปลาวาฬตัวดังกล่าวไปยังศูนย์พัฒนาประมง ชาวบ้านหลายสิบคนพยายามช่วยเหลือ โดยนำปล่อยกลับลงสู่ท้องทะเล แต่ถูกคลื่นซัดกลับมา แต่เนื่องจากมันอยู่ในอาการบาดเจ็บและเหนื่อยล้ามาก ผนวกกับเจอทั้งคลื่นลมแรง จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่มานำปลาวาฬตัวนี้ไปพักฟื้นที่ศูนย์พัฒนาประมง เพื่อดูแลก่อน ซึ่งเมื่อหายจากอาการบาดเจ็บและแข็งแรงดีแล้วก็จะนำไปปล่อยทะเลคืนสู่ตามธรรมชาติต่อไป
ขณะที่เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือปลาวาฬหัวทุยเพศเมียอยู่นั้น ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าได้พบปลาวาฬหอีกตัวเป็นเพศผู้ซึ่งได้เสียชีวิตแล้วที่บริเวณริมหาดบ้านบางวำ ม.5 ต.ปากพนังฝั่งตะวันออก อ.ปากพนัง เมื่อเจ้าหน้าที่เดินทางไปตรวจสอบพบว่าวาฬดังกล่าวตายแล้ว มีสภาพเล็กกว่าตัวแรกยาวประมาณ 3 เมตรน้ำหนักประมาณ 300-400 กก.เจ้าหน้าที่จึงนำซากปลาวาฬเพศผู้ไปเก็บรักษาไว้ที่ศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ปากพนัง เพื่อไว้วิจัยถึงสาเหตุการตาย
ต่อมานายนายสุกิจรัตน์ วินิจกุล ผู้อำนวยการศูนย์พัฒนาประมงพื้นที่ลุ่มปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ เปิดเผยว่า วาฬที่พบและยังมีชีวิตนั้นทางมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าวาฬนำร่องครีบสั้น ส่วนที่เสียชีวิตนั้นเป็นโลมาขนาดใหญ่เรียกว่าโลมารีสโซ่ สาเหตุขจองการเกยตื้นนั้นอาจจะเกิดจากการหลงฝูง
