พังงา - เกิดปรากฏการณ์ “ขี้ปลาวาฬ” ในทะเลพื้นท่จังหวัดพังงา ชาวบ้านออกเรือเก็บกักตุนไว้ขายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 30,000-50,000 บาท เพื่อนำไปสกัดเป็นน้ำหอม ขณะที่ ผอ.สถาบันวิจัยฯส่งเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ
นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กล่าวถึงกรณีชาวบ้านในพื้นที่ ม.3 บ้านหินลาด ต.คุระบุรี อ.คุระบุรี จ.พังงา พบขี้ปลาวาฬบริเวณชายหาดเกาะญี่ปุ่น ห่างจากเกาะพระทองเล็กน้อยว่า วันนี้ (30 ก.ย.) ทางสถาบันฯ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีขี้ปลาวาฬจำนวนมากถูกคลื่นซัดเข้ามาติดอยู่บริเวณชายหาดและโขดหิน ซึ่งขณะนี้มีชาวบ้านและชาวประมงจำนวนมากไปเก็บขี้ปลาวาฬหรืออัมพันมาไว้ที่บ้านหินลาดเตรียมที่จะจำหน่ายให้กับลูกค้า ซึ่งหลังจากได้รับแจ้งก็ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบว่า เป็นขี้ปลาวาฬ หรืออัมพันจริงหรือไม่ โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเดินทางไปตรวจสอบ
นางสุนิตา โต๊ะเหม อยู่บ้านเลขที่ 160/319 ม.3 บ้านหินลาด อ.คุระบุรี อ.คุระบุรี กล่าวถึงการพบปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬว่า เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) ชาวบ้านในพื้นที่ออกไปจับปลาในทะเลบริเวณเกาะญี่ปุ่นและพบเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าว คือ มีวัตถุเป็นก้อนขนาดต่างลอยมาติดที่บริเวณชายหาดและโขดหินจึงเก็บมาดู พบว่าเป็นขี้ปลาวาฬที่สามารถนำมาขายให้กับพ่อค้าได้จึงเก็บกันมา ซึ่งคนที่เก็บขี้ปลาวาฬมาได้นั้นเป็นคนที่เคยเก็บมาได้แล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าสามารถขายได้ หลังจากที่ชาวบ้านในพื้นที่ทราบก็นำเรือออกไปเก็บขี้ปลาวาฬกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้เก็บมาได้แล้วกว่า 100 กิโลกรัมและได้มีการติดต่อกับทางผู้ซื้อไปแล้ว ส่วนในทะเลนั้นขณะนี้ก็ยังมีชาวไปเก็บอยู่ซึ่งยังมีอีกจำนวนมาก
สำหรับขี้ปลาวาฬที่พบนั้น นางสุนิตากล่าวว่า มีลักษณะเป็นก้อนขนาดต่างๆ มีทั้งสีม่วง สีขาวขุ่น และสีเหลือง มีลักษณะแข็ง และมีกลิ่นเหม็นคาว ซึ่งการพบในครั้งนี้แตกต่างกับเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ที่ในครั้งนั้นพบในลักษณะเป็นฟองนิ่มๆ คล้ายโฟมแต่เมื่อนำมาตากแดดมีลักษณะแข็ง แต่ครั้งนี้พบเป็นลักษณะก้อนแข็ง
ขณะที่ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สำหรับขี้ปลาวาฬ หรืออัมพันนั้นเป็นสิ่งที่ปลาวาฬหัวทุยถ่ายติดมากับอุจาระ ซึ่งเป็นสารประเภทไขมัน หรือสาย Red tide ที่ปลาวาฬย่อยไม่ได้ก็จะถูกขับถ่ายออกมา ซึ่งปลาวาฬแต่ละตัวจะมีขี้ปลาวาฬประมาณ 1 ตัน และจะถ่ายเป็นประจำ ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านจะพบอยู่เป็นประจำแต่จำนวนไม่มากนัก การพบครั้งนี้เป็นการพบจำนวนมาก สาเหตุน่าจะมาจากคลื่นลมแรง หรือมีปลาวาฬเข้ามาหากินอยู่ในพื้นที่ที่มีการพบ
สำหรับขี้ปาวาฬนั้นสามารถขายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 30,000-50,000 บาท โดยผู้ที่รับซื้อไปนำไปสกัดเป็นหัวน้ำหอม
นายวรรณเกียรติ ทับทิมแสง ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาทรัพยากรทางทะเลชายชายฝั่งทะเลและป่าชายเลน กล่าวถึงกรณีชาวบ้านในพื้นที่ ม.3 บ้านหินลาด ต.คุระบุรี อ.คุระบุรี จ.พังงา พบขี้ปลาวาฬบริเวณชายหาดเกาะญี่ปุ่น ห่างจากเกาะพระทองเล็กน้อยว่า วันนี้ (30 ก.ย.) ทางสถาบันฯ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านในพื้นที่ว่ามีขี้ปลาวาฬจำนวนมากถูกคลื่นซัดเข้ามาติดอยู่บริเวณชายหาดและโขดหิน ซึ่งขณะนี้มีชาวบ้านและชาวประมงจำนวนมากไปเก็บขี้ปลาวาฬหรืออัมพันมาไว้ที่บ้านหินลาดเตรียมที่จะจำหน่ายให้กับลูกค้า ซึ่งหลังจากได้รับแจ้งก็ได้ประสานให้เจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบว่า เป็นขี้ปลาวาฬ หรืออัมพันจริงหรือไม่ โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเดินทางไปตรวจสอบ
นางสุนิตา โต๊ะเหม อยู่บ้านเลขที่ 160/319 ม.3 บ้านหินลาด อ.คุระบุรี อ.คุระบุรี กล่าวถึงการพบปรากฏการณ์ขี้ปลาวาฬว่า เมื่อวานนี้ (29 ก.ย.) ชาวบ้านในพื้นที่ออกไปจับปลาในทะเลบริเวณเกาะญี่ปุ่นและพบเห็นปรากฏการณ์ดังกล่าว คือ มีวัตถุเป็นก้อนขนาดต่างลอยมาติดที่บริเวณชายหาดและโขดหินจึงเก็บมาดู พบว่าเป็นขี้ปลาวาฬที่สามารถนำมาขายให้กับพ่อค้าได้จึงเก็บกันมา ซึ่งคนที่เก็บขี้ปลาวาฬมาได้นั้นเป็นคนที่เคยเก็บมาได้แล้วครั้งหนึ่งเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ทราบว่าสามารถขายได้ หลังจากที่ชาวบ้านในพื้นที่ทราบก็นำเรือออกไปเก็บขี้ปลาวาฬกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้เก็บมาได้แล้วกว่า 100 กิโลกรัมและได้มีการติดต่อกับทางผู้ซื้อไปแล้ว ส่วนในทะเลนั้นขณะนี้ก็ยังมีชาวไปเก็บอยู่ซึ่งยังมีอีกจำนวนมาก
สำหรับขี้ปลาวาฬที่พบนั้น นางสุนิตากล่าวว่า มีลักษณะเป็นก้อนขนาดต่างๆ มีทั้งสีม่วง สีขาวขุ่น และสีเหลือง มีลักษณะแข็ง และมีกลิ่นเหม็นคาว ซึ่งการพบในครั้งนี้แตกต่างกับเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ที่ในครั้งนั้นพบในลักษณะเป็นฟองนิ่มๆ คล้ายโฟมแต่เมื่อนำมาตากแดดมีลักษณะแข็ง แต่ครั้งนี้พบเป็นลักษณะก้อนแข็ง
ขณะที่ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า สำหรับขี้ปลาวาฬ หรืออัมพันนั้นเป็นสิ่งที่ปลาวาฬหัวทุยถ่ายติดมากับอุจาระ ซึ่งเป็นสารประเภทไขมัน หรือสาย Red tide ที่ปลาวาฬย่อยไม่ได้ก็จะถูกขับถ่ายออกมา ซึ่งปลาวาฬแต่ละตัวจะมีขี้ปลาวาฬประมาณ 1 ตัน และจะถ่ายเป็นประจำ ซึ่งที่ผ่านมาชาวบ้านจะพบอยู่เป็นประจำแต่จำนวนไม่มากนัก การพบครั้งนี้เป็นการพบจำนวนมาก สาเหตุน่าจะมาจากคลื่นลมแรง หรือมีปลาวาฬเข้ามาหากินอยู่ในพื้นที่ที่มีการพบ
สำหรับขี้ปาวาฬนั้นสามารถขายได้ราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 30,000-50,000 บาท โดยผู้ที่รับซื้อไปนำไปสกัดเป็นหัวน้ำหอม
