ศูนย์ข่าวภูเก็ต - อบต.เชิงทะเลภูเก็ตทุ่มงบ 5 แสนบาททำทุ่นล้อมจุดวางฝูงบินปะการังป้องกันเรืออวนลาก-อวนรุนเข้าจับปลา หวั่นสร้างความเสียหาย พร้อมทำหนังสือถึงการรถไฟขอโบกี้รถไฟมาทำแนวปะการังเทียมเพิ่มในจุดเดียวกัน
นายมาโนช พันธ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวถึงการป้องกันการเข้าไปวางอวนจับปลาของเรือประมงบริเวณจุดวางฝูงบินปะการังหน้าอ่าวบางเทา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ว่า ในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาเรืออวนลาก-อวนรุนลักลอบเข้าไปจับปลาในบริเวณที่มีการวางฝูงบินปะการังจนทำให้ตัวเครื่องบินที่นำมาทำฝูงบินบางลำฉีกขาดและบางลำตกลงจากฐานที่ตั้ง และเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ทางอบต.เชิงทะเลได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้าไปดำเนินการวางทุ่นลอมรอบบริเวณที่มีการวางฝูงบินปะการังโดยมีการวางทุ่นจำนวนหนึ่งซึ่งขณะนี้การวางทุ่นได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยทางอบต.ใช้งบประมาณในการดำเนินการจำนวน 5 แสนบาท
“ซึ่งนอกจากจะมีทุ่นล้อมรอบบริเวณจุดวางฝูงบินปะการังแล้ว ยังมีทุ่นสำหรับผูกเรือด้วยจำนวน 4 จุด เพื่อป้องกันการทอดสมอเรือ โดยการวางทุ่นดังกล่าวนั้นเพื่อบอกให้เรือประมงที่จะเข้ามาจับปลาทราบว่าจุดดังกล่าวเป็นจุดที่วางปะการังเทียม และป้องกันไม่ให้เรืออวนลากลวนรุนเข้าไปจับปลาในบริเวณดังกล่าว”นายมาโนช กล่าวและว่า
สำหรับการจับปลาของเรือประมงในบริเวณดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นการทำผิดกฏหมายแต่เรือเหล่านี้จะฉวยโอกาสในช่วงที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ลักลอบเข้ามาจับปลา เนื่องจากปัจจุบันบริเวณฝูงบินปะการังมีปลาชนิดต่างๆเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเริ่มมีความสมบูรณ์ของสัตว์ทะเล
อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของจุดวางฝูงบินปะการังให้มากขึ้นและเพื่อเป็นการสร้างดึงดูใจให้กับนักดำน้ำเพิ่มขึ้น ทางอบต.เชิงทะเลได้ทำหนังสือไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อขอรับการสนับสนุนโบกี้รถไฟที่ไม่ใช้งานแล้วจำนวน 20 โบกี้ เพื่อนำมาวางรอบๆบริเวณจุดวางฝูงบินปะการัง ซึ่งขณะนี้ได้รับการตอบกลับมาแล้ว ซึ่งทางการรถไฟได้ขอให้ทางอบต.ยืนยันกลับไปถึงความต้องการแต่เรื่องของจำนวนนั้นยังไม่ได้กำหนด ส่วนจะสามารถดำเนินการได้เมื่อไหร่นั้นยังไม่สามารถระบุเวลาได้
ขณะที่นายปรีชา สาเหล่ ประธานกลุ่มเรือหางยาวหาดบางเทา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปดำน้ำชมฝูงบินปะการังจำนวนมาก แต่รายได้ไม่เข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการเรือหางยาวเพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปชมนั้นจะมากับบริษัทดำน้ำ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการของกลุ่มเรือหางยาวก็มีบางแต่ส่วนใหญ่จะไปดำน้ำชมปะการังธรรมชาติที่บริเวณเกาะแววซึ่งอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งการสร้างแนวปะการังเพิ่มนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่เกรงว่าฝูงบินจะเสียหายเร็วเกินไปเนื่องจากเครื่องบินมีสภาพเป็นเหล็กเมื่อเจอกับน้ำเค็มอาจจะทำให้ผุกร่อนได้
นายมาโนช พันธ์ฉลาด นายกองค์การบริหารส่วนตำบลเชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวถึงการป้องกันการเข้าไปวางอวนจับปลาของเรือประมงบริเวณจุดวางฝูงบินปะการังหน้าอ่าวบางเทา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต ว่า ในช่วงที่ผ่านมามีปัญหาเรืออวนลาก-อวนรุนลักลอบเข้าไปจับปลาในบริเวณที่มีการวางฝูงบินปะการังจนทำให้ตัวเครื่องบินที่นำมาทำฝูงบินบางลำฉีกขาดและบางลำตกลงจากฐานที่ตั้ง และเพื่อป้องกันไม่ให้ปัญหาดังกล่าวเกิดขึ้นอีก ทางอบต.เชิงทะเลได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนเข้าไปดำเนินการวางทุ่นลอมรอบบริเวณที่มีการวางฝูงบินปะการังโดยมีการวางทุ่นจำนวนหนึ่งซึ่งขณะนี้การวางทุ่นได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยทางอบต.ใช้งบประมาณในการดำเนินการจำนวน 5 แสนบาท
“ซึ่งนอกจากจะมีทุ่นล้อมรอบบริเวณจุดวางฝูงบินปะการังแล้ว ยังมีทุ่นสำหรับผูกเรือด้วยจำนวน 4 จุด เพื่อป้องกันการทอดสมอเรือ โดยการวางทุ่นดังกล่าวนั้นเพื่อบอกให้เรือประมงที่จะเข้ามาจับปลาทราบว่าจุดดังกล่าวเป็นจุดที่วางปะการังเทียม และป้องกันไม่ให้เรืออวนลากลวนรุนเข้าไปจับปลาในบริเวณดังกล่าว”นายมาโนช กล่าวและว่า
สำหรับการจับปลาของเรือประมงในบริเวณดังกล่าวนั้นถือว่าเป็นการทำผิดกฏหมายแต่เรือเหล่านี้จะฉวยโอกาสในช่วงที่ไม่มีเจ้าหน้าที่ลักลอบเข้ามาจับปลา เนื่องจากปัจจุบันบริเวณฝูงบินปะการังมีปลาชนิดต่างๆเข้ามาอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก และเริ่มมีความสมบูรณ์ของสัตว์ทะเล
อย่างไรก็ตาม เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของจุดวางฝูงบินปะการังให้มากขึ้นและเพื่อเป็นการสร้างดึงดูใจให้กับนักดำน้ำเพิ่มขึ้น ทางอบต.เชิงทะเลได้ทำหนังสือไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทยเพื่อขอรับการสนับสนุนโบกี้รถไฟที่ไม่ใช้งานแล้วจำนวน 20 โบกี้ เพื่อนำมาวางรอบๆบริเวณจุดวางฝูงบินปะการัง ซึ่งขณะนี้ได้รับการตอบกลับมาแล้ว ซึ่งทางการรถไฟได้ขอให้ทางอบต.ยืนยันกลับไปถึงความต้องการแต่เรื่องของจำนวนนั้นยังไม่ได้กำหนด ส่วนจะสามารถดำเนินการได้เมื่อไหร่นั้นยังไม่สามารถระบุเวลาได้
ขณะที่นายปรีชา สาเหล่ ประธานกลุ่มเรือหางยาวหาดบางเทา อ.ถลาง จ.ภูเก็ต กล่าวว่า ในแต่ละวันมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปดำน้ำชมฝูงบินปะการังจำนวนมาก แต่รายได้ไม่เข้าถึงกลุ่มผู้ประกอบการเรือหางยาวเพราะส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่เดินทางไปชมนั้นจะมากับบริษัทดำน้ำ แต่อย่างไรก็ตามสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการของกลุ่มเรือหางยาวก็มีบางแต่ส่วนใหญ่จะไปดำน้ำชมปะการังธรรมชาติที่บริเวณเกาะแววซึ่งอยู่ในบริเวณที่ใกล้เคียงกัน ซึ่งการสร้างแนวปะการังเพิ่มนั้นเป็นเรื่องที่น่ายินดีแต่เกรงว่าฝูงบินจะเสียหายเร็วเกินไปเนื่องจากเครื่องบินมีสภาพเป็นเหล็กเมื่อเจอกับน้ำเค็มอาจจะทำให้ผุกร่อนได้
