สาวหาดใหญ่รอดแผ่นดินไหวเฮติกลับถึงบ้านเกิด-เผยวินาทีชีวิต

ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ – "สุทธิณี อินกะโผะ" สาวไทยผู้ประสบเหตุแผ่นดินไหวในเฮติกลับถึงภูมิลำเนา อ.หาดใหญ่แล้ว หลังติดตามสามีวิศวกรไปทำงาน เผยวินาทีชีวิตรอดจากภัยพิบัติได้เพราะเชื่อในพระบารมีของในหลวง-ราชินี ทำให้ทั้งลูกในครรภ์ 2 เดือนและสามีโชคดีรอดชีวิตด้วยเช่นกัน

วันนี้ (23 ม.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ จ.สงขลา นางสุทธิณี อินกะโผะ อายุ 28 ปี หนึ่งในคนไทยผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวรุนแรงที่ประเทศเฮติ ได้เดินทางกลับสู่บ้านเกิดใน อ.หาดใหญ่ ด้วยเครื่องบินสายการบินไทย เที่ยวบิน TG 0233 โดย มีนายอำนาจ กุลรังษี บิดา นางจิตติมา กุลรังษี มารดา และนายผดุงศักดิ์ กุลรังษี พี่ชาย พร้อมด้วยบุตรชายอีก 1 คน เดินทางมารอรับ และทันทีที่ครอบครัว "กุลรังษี" ได้เจอหน้านางสุทธิณี ต่างฝ่ายต่างโผเข้าสวมกอดกันและกันด้วยความอบอุ่น และเป็นห่วง

จากนั้น นางสุทธิณี ได้กล่าวให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนที่มารอทำข่าวว่า ได้เดินทางไปอยู่ที่เฮติเกือบ 2 ปีเต็มแล้ว โดยไปอยู่กับสามี เนื่องจากสามีทำงานเป็นวิศวกรสื่อสารของบริษัทโทรศัพท์มือถือรายหนึ่ง ซึ่งตนเองไปอยู่ในฐานะแม่บ้านคอยดูแลช่วยเหลือสามี ตอนเกิดเหตุสามีไปทำงาน ส่วนตนเองอยู่ที่บ้านพักบนเนินเขา ขณะเกิดเหตุรู้สึกตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก เพราะแผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงมาก ทำได้เพียงอย่างเดียวคือวิ่งหนีออกมาจากบ้านพักให้เร็วที่สุดและมายืนอยู่บนถนน ขณะนั้นก็ได้มีชาวเฮติจำนวนมากวิ่งหนีตายกันอลหม่าน และมองเห็นกลุ่มฝุ่นควันฟุ้งไปทั่วเมืองปอร์โตแปรงซ์ เมืองหลวงของเฮติ

"หลังจากที่เริ่มตั้งสติได้และหนีออกมาจากบ้านพักได้ พร้อมกับรู้ว่าตัวเองรอดตายแล้ว ช่วงนั้นหนูคิดอยู่เพียงอย่างเดียวว่า ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย รวมถึงพระบารมีของในหลวงและพระราชินีของเรา ช่วยปกปักคุ้มครองสามีของหนูด้วย เนื่องจากไม่รู้ว่าสามีจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะว่าสามีทำงานอยู่ในตึกสูงที่สุดในกรุงปอร์โตแปรงซ์ แต่เมื่อกลุ่มฝุ่นควันเริ่มจางลงพอจะทำให้มองเห็นตึกที่สามีทำงาน ก็ค่อยใจชื้นขึ้นมานิดนึง เนื่องจากตึกดังกล่าวไม่ได้ถล่มลงมา กระทั่งหลังจากเหตุการณ์ผ่านไปได้ระยะหนึ่ง สามีก็วิ่งมาหาหนูที่บ้านพักจนรู้ว่าหนูปลอดภัย หนูก็ดีใจที่เห็นเขาปลอดภัยด้วย"

นางสุทธิณี กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุเพียง 1 วัน ตนเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากประเทศไทย และก็มาเจอกับเหตุการณ์เลวร้ายครั้งนี้ แต่ก็โชคดีที่เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรไป ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เกือบ 2 ปีแล้ว ไม่เคยเจอกับเหตุการณ์แผ่นดินไหว จะมีเพียงภัยธรรมชาติ เป็นพายุเฮอริเคนเท่านั้น และครั้งนี้ครั้งแรกที่เฮติประสบภัยธรรมชาติแผ่นดินไหวรุนแรงได้รับความเสียหายอย่างมาก น่าสงสารผู้คนในเฮติมากๆ เพราะปกติแล้วเฮติเป็นประเทศที่มีระบบสาธารณูปโภคและอื่นๆ ค่อนข้างย่ำแย่อยู่แล้ว เมื่อโดนแผ่นดินไหวครั้งนี้ทำให้สภาพเมืองเสียหายอย่างหนัก อยู่อย่างแร้นแค้นมากขึ้น แต่เชื่อว่าจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นตามลำดับ เนื่องจากรอการยื่นมือเข้าช่วยเหลือจากนานาชาติ

“ส่วนกรณีที่มีข่าวปล้นสะดมกันนั้น ก็ได้ยินข่าวมาเหมือนกัน แต่ในละแวกบริเวณบ้านพักที่อาศัยอยู่นั้น ไม่มีผู้คนมาปล้นสะดม เนื่องจากจะมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความสงบเรียบร้อยให้ หากใครเข้ามาเขาก็จะใช้อาวุธปืนยิงขู่ขึ้นท้องฟ้า หลังจากนี้ไปคงต้องรอดูท่าทีจากทางบริษัทแฟนก่อนว่าจะเริ่มทำงานต่อได้เมื่อใด แต่คาดว่าคงจะอีกนานพอสมควร ดังนั้นตอนนี้จึงขออยู่ในประเทศไทยก่อน อยู่กับครอบครัวของหนูที่ อ.หาดใหญ่" นางสุทธิณีกล่าว

ขณะที่นายอำนาจ กุลรังษี อายุ 69 ปี บิดาของนางสุทธิณี กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุนั้นเป็นตอนเย็นของประเทศเฮติ แต่ตรงกับประเทศไทยในตอนรุ่งเช้า เมื่อทราบข่าวดังกล่าวทุกคนในบ้านต่างกันกระวนกระวายใจ เครียดมาก พยายามติดต่อไปยังลูกสาวอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งมีช่วงหนึ่งที่ลูกชายคนที่สอง ซึ่งเป็นพี่ชายของลูกสาว ได้โทรศัพท์ไปหาปรากฎว่าสัญญาณติดต่อได้ จนสามารถพูดคุยกับลูกสาวได้ช่วงระยะเวลาหนึ่ง จากนั้นสัญญาณก็ขาดหายไปจนไม่สามารถติดต่อได้อีก และทันทีที่ทราบข่าวว่าลูกสาวและลูกเขยปลอดภัย ก็รู้สึกยกภูเขาออกจากอก ทุกคนต่างรู้สึกดีใจมากๆ เพราะว่าลูกสาวกำลังตั้งครรภ์อ่อนๆได้ประมาณ 2 เดือนแล้ว

สำหรับลูกสาวคนนี้เป็นคนสุดท้องในจำนวนพี่น้อง 3 คน โดยมีพี่ชายอีก 2 คน ศึกษาจบปริญญาโทจาก มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต อย่างไรก็ตามช่วงที่สามารถติดต่อพูดคุยกับลูกสาวได้นั้น ทางลูกสาวเล่าให้ฟังว่า หลังเกิดเหตุต่างคนต่างลุ้นกันมากเพื่อหวังว่าให้ปลอดภัย และสุดท้ายลูกสาวก็เห็นลูกเขยวิ่งด้วยเท้าเปล่ามายังบ้านพักบนเนินเขาเพื่อ มาดูลูกสาวด้วยความเป็นห่วง โดยที่ทำงานกับบ้านพักอยู่ห่างออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร สุดท้ายทั้งคู่ก็ปลอดภัยก็รู้สึกดีใจมากที่สุด