นครศรีธรรมราช - ทนายดังเมืองคอนนำ ด.ช.สถานพินิจเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน เตรียมดำเนินคดีอาญา ผอ.และจนท. ฐานทุบตีและทำร้ายร่างกาย พร้อมฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง
วันนี้ (19 ม.ค.) นายอครพล หนูทวี หรือที่รู้จักในนาม “ทนายขุน” เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา(18 ม.ค.) ตนพร้อมด้วยนางไร(นามสมมติ) ได้นำ ด.ช.บอย(นามสมมติ) อายุ 14 ปี ไปแจ้งความไว้กับ พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ รอง ผกก.สส.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กรณีที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก เยาวชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ทุบตีทำร้ายร่างกายและ ผอ.สถานพินิจสั่งการให้เด็กผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ราดยาซีม่าโลชั่นที่อวัยวะเพศ 2 ขวด โดยในเบื้องต้นเป็นการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งคดีนี้มีอายุความ 15 ปี รวมทั้งฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งมีอายุความ 1 ปีด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปรีดีอนันต์ ติยานนท์ ผอ.สถานพินิจ ได้แถลงเปิดเผยกับสื่อมวลชน 3 ครั้งโดยครั้งแรกบอกว่า ด.ช.วิทวัส ถูกเพื่อนกลั่นแกล้งราดซีม่าโลชั่นที่อวัยวะเพศ ครั้งที่ 2 กล่าวว่า ด.ช.วิทวัส ราดซีม่าโลชั่นด้วยตนเอง แต่ครั้งที่ 3 ที่ ด.ช.วิทวัส ยืนยันต่อหน้าว่านายปรีดีอนันต์ สั่งให้เพื่อนราดซีม่าโลชั่นที่อวัยวะเพศ นายปรีดีอนันต์ กลับตอบโต้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะเป็นคนสั่งให้ทำเช่นนั้น
นอกจากนี้นายปรีดีอนันต์ ยืนยันว่าไม่มีการลงโทษเด็กทั้งที่หลบหนีออกจากสถานพินิจ และไม่หลบหนีด้วยการทุบตี แต่ลงโทษด้วยการให้ล้างถาดอาหาร ล้างส้วม แต่เมื่อ ด.ช.บอย ยืนยันต่อหน้า เมื่อวานนี้นายปรีดีอนันต์กลับอ้างว่าไม่ไม่รู้เรื่องว่ามีการลงโทษเด็กเช่นนั้น และจะแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง
“ด.ช.วิทวัส ก็ยืนยันว่าเขากับ ผอ.ไม่ได้มีการโกรธแค้นเรื่องอะไรมาก่อน แต่ยืนยันว่าเขาได้ยิน ผอ.สั่งให้เพื่อนราดซีม่าโลชั่น และผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำเรื่องนี้ว่าการสั่งนั้นเป็นเสียงของใครเด็กยืนยันชัดเจนว่าเป็นเสียง ผอ.เพราะอยู่กันห่างประมาณ 3-4 เมตร หลังจากนั้นเพื่อนๆ ก็ช่วยกันราดซีม่าโลชั่นถึง 2 ขวด เขายืนยันว่าแผลปวดแสบปวดร้อนไปทั่วบริเวณเป็นอย่างมาก และคืนนั้นทั้งคืนนอนซมเพราะพิษไข้ จนวันที่ 12 ม.ค.หลังจากโดนตีแล้วพอตกค่ำตนเป็นไข้สูงมาก จนรุ่งเช้า (13 ม.ค.)ทางสถานพินิจจึงส่งไปยังศูนย์อนามัยเขต 11 เขาจึงขอให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งโทรศัพท์ไปบอกแม่ให้ช่วยมาประกันตัวตนออกไปเพราะไม่สามารถทนอยู่ในสถานพินิจ ฯได้อีก แม่จึงมาดำเนินเรื่องประกันตัวออกไปในวันที่ 14 ม.ค. และเข้ารักษาตัวต่อที่ รพ.หัวไทร อีก 3 คืน วันที่ 17 ม.ค.จึงกลับบ้าน”
สำหรับการใช้แป๊บน้ำตีเด็กทุกคนนั้น เนื่องมาจากมีเด็ก 23 คนเลื่อยลูกกรงเหล็กหลบหนีออกจากสถานพินิจ ฯโดยตนไม่ได้หลบหนีออกไปด้วย และมีการติดตามกลับมาได้จำนวนหนึ่ง จนรุ่งเช้าวันที่ 12 ม.ค. เจ้าหน้าที่ได้เรียกเด็กทั้งหมดมาเข้าแถวและสอบถามถึงใบเลื่อยที่ใช้เลื่อยลูกกรงว่ามีการนำไปซ่อนไว้ที่ใด แต่ไม่มีเด็กคนใดบอก เจ้าหน้าที่จึงต้องมีการลงโทษเด็กทุกๆ คน ทั้งที่หลบหนีและไม่หลบหนีโดยการใช้สายยางน้ำฟาดที่ก้นคนละ 1 ที ซึ่งตนก็โดนตีด้วย จนในที่สุดคนที่ซ่อนใบเลื่อยก็ยอมบอกที่ซ่อนใบเลื่อย
ด้าน ด.ช.บอย ระบุว่า สำหรับการก่อคดีวิ่งราวทรัพย์ก่อนที่จะถูกจับกุมส่งสถานพินิจนั้นสาเหตุที่ทำลงไปเพราะน้อยใจแม่ที่ขอเงินไม่ได้ คิดว่าแม่ไม่รักตนแล้ว จึงประชดด้วยการก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ จนถูกตำรวจจับกุมและรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าก่อเหตุจริง หลังจากให้ปากคำกับตำรวจแล้วตำรวจได้ส่งตัวตนเข้าสถานพินิจในวันที่ 9 ม.ค. 2553 จนกระทั้งเกิดเรื่องขึ้น
วันนี้ (19 ม.ค.) นายอครพล หนูทวี หรือที่รู้จักในนาม “ทนายขุน” เปิดเผยว่า เมื่อคืนที่ผ่านมา(18 ม.ค.) ตนพร้อมด้วยนางไร(นามสมมติ) ได้นำ ด.ช.บอย(นามสมมติ) อายุ 14 ปี ไปแจ้งความไว้กับ พ.ต.ท.สำเริง ชูกะนันท์ รอง ผกก.สส.สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กรณีที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็ก เยาวชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ทุบตีทำร้ายร่างกายและ ผอ.สถานพินิจสั่งการให้เด็กผู้ต้องขังคนอื่น ๆ ราดยาซีม่าโลชั่นที่อวัยวะเพศ 2 ขวด โดยในเบื้องต้นเป็นการแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งคดีนี้มีอายุความ 15 ปี รวมทั้งฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายอีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งมีอายุความ 1 ปีด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายปรีดีอนันต์ ติยานนท์ ผอ.สถานพินิจ ได้แถลงเปิดเผยกับสื่อมวลชน 3 ครั้งโดยครั้งแรกบอกว่า ด.ช.วิทวัส ถูกเพื่อนกลั่นแกล้งราดซีม่าโลชั่นที่อวัยวะเพศ ครั้งที่ 2 กล่าวว่า ด.ช.วิทวัส ราดซีม่าโลชั่นด้วยตนเอง แต่ครั้งที่ 3 ที่ ด.ช.วิทวัส ยืนยันต่อหน้าว่านายปรีดีอนันต์ สั่งให้เพื่อนราดซีม่าโลชั่นที่อวัยวะเพศ นายปรีดีอนันต์ กลับตอบโต้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่ตนจะเป็นคนสั่งให้ทำเช่นนั้น
นอกจากนี้นายปรีดีอนันต์ ยืนยันว่าไม่มีการลงโทษเด็กทั้งที่หลบหนีออกจากสถานพินิจ และไม่หลบหนีด้วยการทุบตี แต่ลงโทษด้วยการให้ล้างถาดอาหาร ล้างส้วม แต่เมื่อ ด.ช.บอย ยืนยันต่อหน้า เมื่อวานนี้นายปรีดีอนันต์กลับอ้างว่าไม่ไม่รู้เรื่องว่ามีการลงโทษเด็กเช่นนั้น และจะแต่งตั้งคณะกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริง
“ด.ช.วิทวัส ก็ยืนยันว่าเขากับ ผอ.ไม่ได้มีการโกรธแค้นเรื่องอะไรมาก่อน แต่ยืนยันว่าเขาได้ยิน ผอ.สั่งให้เพื่อนราดซีม่าโลชั่น และผู้สื่อข่าวได้ถามย้ำเรื่องนี้ว่าการสั่งนั้นเป็นเสียงของใครเด็กยืนยันชัดเจนว่าเป็นเสียง ผอ.เพราะอยู่กันห่างประมาณ 3-4 เมตร หลังจากนั้นเพื่อนๆ ก็ช่วยกันราดซีม่าโลชั่นถึง 2 ขวด เขายืนยันว่าแผลปวดแสบปวดร้อนไปทั่วบริเวณเป็นอย่างมาก และคืนนั้นทั้งคืนนอนซมเพราะพิษไข้ จนวันที่ 12 ม.ค.หลังจากโดนตีแล้วพอตกค่ำตนเป็นไข้สูงมาก จนรุ่งเช้า (13 ม.ค.)ทางสถานพินิจจึงส่งไปยังศูนย์อนามัยเขต 11 เขาจึงขอให้เจ้าหน้าที่คนหนึ่งโทรศัพท์ไปบอกแม่ให้ช่วยมาประกันตัวตนออกไปเพราะไม่สามารถทนอยู่ในสถานพินิจ ฯได้อีก แม่จึงมาดำเนินเรื่องประกันตัวออกไปในวันที่ 14 ม.ค. และเข้ารักษาตัวต่อที่ รพ.หัวไทร อีก 3 คืน วันที่ 17 ม.ค.จึงกลับบ้าน”
สำหรับการใช้แป๊บน้ำตีเด็กทุกคนนั้น เนื่องมาจากมีเด็ก 23 คนเลื่อยลูกกรงเหล็กหลบหนีออกจากสถานพินิจ ฯโดยตนไม่ได้หลบหนีออกไปด้วย และมีการติดตามกลับมาได้จำนวนหนึ่ง จนรุ่งเช้าวันที่ 12 ม.ค. เจ้าหน้าที่ได้เรียกเด็กทั้งหมดมาเข้าแถวและสอบถามถึงใบเลื่อยที่ใช้เลื่อยลูกกรงว่ามีการนำไปซ่อนไว้ที่ใด แต่ไม่มีเด็กคนใดบอก เจ้าหน้าที่จึงต้องมีการลงโทษเด็กทุกๆ คน ทั้งที่หลบหนีและไม่หลบหนีโดยการใช้สายยางน้ำฟาดที่ก้นคนละ 1 ที ซึ่งตนก็โดนตีด้วย จนในที่สุดคนที่ซ่อนใบเลื่อยก็ยอมบอกที่ซ่อนใบเลื่อย
ด้าน ด.ช.บอย ระบุว่า สำหรับการก่อคดีวิ่งราวทรัพย์ก่อนที่จะถูกจับกุมส่งสถานพินิจนั้นสาเหตุที่ทำลงไปเพราะน้อยใจแม่ที่ขอเงินไม่ได้ คิดว่าแม่ไม่รักตนแล้ว จึงประชดด้วยการก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์ จนถูกตำรวจจับกุมและรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาว่าก่อเหตุจริง หลังจากให้ปากคำกับตำรวจแล้วตำรวจได้ส่งตัวตนเข้าสถานพินิจในวันที่ 9 ม.ค. 2553 จนกระทั้งเกิดเรื่องขึ้น
