นครศรีธรรมราช – ผู้ปกครองร้องสถานพินิจนครศรีธรรมราช ปล่อยเด็กแหกคุก ลงโทษกันเอง-ไม่หนีโดนด้วยถึงจู๋เปื่อย เผยราดยารักษาเชื้อราลงโทษ ญาติหอบรักษาตัว - ผอ.สถานพินิจแจง จนท.ไม่ได้ลงโทษเด็ก แต่เป็นการกลั่นแกล้งกันเองของเด็ก
จากกรณีที่เด็กและเยาวชนรวม 23 คนในสถานพินิจเด็ก เยาวชนและครอบครัว จ.นครศรีธรรมราช แหกห้องขังหลบหนีเมื่อกลางดึก วันที่ 12 ม.ค.2553 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดมกำลังออกติดตามจับกุมหลายชั่วโมงจนสามารถจับกุมกลับมาได้เกือบทั้งหมด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (17 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางไร (นามสมมติ) อายุ 38 ปี มารดาของ ด.ช.บอย อายุ 14 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ที่ถูกตำรวจ สภ.หัวไทร จับกุมในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ถูกส่งตัวเข้าสถานพินิจ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแหกห้องขังหลบหนี ได้เข้าเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ด.ช.บอย ถูกส่งตัวเข้าสถานพินิจ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2553 ยังไม่รู้จักใครเลย และในคืนวันที่ 12 ม.ค.2553 เด็กในสถานพินิจ จำนวน 23 คนแหกลูกกรงเรือนนอนหลบหนี แต่ที่สำคัญนั้น ด.ชบอย ไม่ได้หลบหนีออกไปด้วย
“แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่ติดตามตัวเด็กกลับมาได้เกือบทั้งหมด ปรากฎว่า ได้เรียกประชุมเด็กทั้งหมด และดำเนินการลงโทษเด็กทั้งหมดที่หลบหนี และไม่หลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ และผู้บริหารบางคนบอกว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน วิธีการลงโทษคือได้สั่งให้เด็กใช้แป๊บน้ำทุบตีเพื่อนคนอื่นๆ อย่างโหดร้ายทารุณ ด.ช.บอย ได้โวยวายว่าตัวเองไม่ได้กระทำผิดอะไร แต่มาโดนทุบตีด้วย ทำให้มีเจ้าหน้าที่บางคน และผู้บริหารบางคน นำยาซีม่าโลชัน 2 ขวด พร้อมสั่งให้เด็ก 1 คนจับ ด.ช.บอย แก้ผ้าแล้วรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศออก แล้วจึงราดด้วยยาซีม่าโลชั่น ที่มีฤทธิ์แสบร้อนกับเนื้อเยื่ออ่อนจนปวดแสบปวดร้อน และพยายามร้องให้หยุดแต่กลับถูกราดซ้ำจนหมดขวดที่สอง”
จนกระทั่งช่วงค่ำทางสถานพินิจต้องนำตัวส่งรักษาที่สถานีอนามัยเขต 11 นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ทางสถานีอนามัยจึงแจ้งให้ญาติๆ ทราบ ทางญาติๆ จึงรีบเดินทางมาที่สถานีอนามัยเขต 11 และเห็นว่า ด.ช.บอยอาการหนัก เพราะอวัยวะเพศบวมและเริ่มเปื่อยอักเสบ จึงทำเรื่องขอประกันตัวจากศาลเด็กเยาวชนและครอบครัว โดยทางใช้ศาลขอให้ทาง ผอ.สถานพินิจ นำหลักฐานการตรวจร่างกาย ด.ช.บอย มาประกอบการพิจารณา
แต่ปรากฎว่าไม่นำเอกสารมาแสดงให้ทางญาติๆ จึงต้องไปขอใบรับรองการตรวจร่างกายจากแพทย์สถานีอนามัยเขต 11 โดยตรงมายื่นต่อศาลพร้อมเงินสด 7,000 บาท ศาลได้พิจารณาให้ประกันตัว ด.ช.บอย จึงสามารถนำตัวออกจากสถานพินิจได้แล้วจึงนำตัวไปรักษาที่ รพ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ขณะนี้ถึงขั้นไม่สามารถเดินได้เพราะระบมแผลเปื่อยจากอวัยวะเพศ
ด.ช.บอย เปิดเผยว่า ตนเพิ่งเข้าไปในสถานพินิจ ไม่รู้จักใครเลย และในคืนที่เขาหลบหนีตนก็ไม่รู้เรื่องและไม่ได้หลบหนี ตนสามารถชี้ให้ได้ว่าใครเป็นคนสั่งการ โดยสั่งให้เพื่อนดำเนินการแต่ก็เข้าใจว่า เพื่อนก็ต้องทำเพราะถูกคนมีอำนาจในนั้นสั่ง
ในขณะ น.ส.น้อย (นามสมมติ) น้าสาวของ ด.ช.บอย บอกว่า ด.ช.บอย เป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่แยกทางกัน อาศัยอยู่กับยาย และไม่ได้เรียนหนังสือ การก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์จนถูกจับกุมตัวเขาก็รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ทางญาติๆ เป็นห่วงสวัสดิภาพของ ด.ช.บอยที่จะต้องกลับเข้าไปในสถานพินิจอีก เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัว หากศาลพิจารณาตัดสินลงโทษติดคุกต้องอยู่ในการดูแลของสถานพินิจแห่งนี้ ด.ช.บอย จะไม่ถูกทารุณกรรมมากกว่านี้หรือบอกตรงๆ ว่าตนและญาติๆ ไม่มั่นใจในความปลอดภัยในสถานพินิจ หากศาลพิจารณาตัดสินจะย้ายสถานที่ควบคุมได้หรือไม่
ขณะนายปรีดีอนันต์ ติยานนท์ ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ทางสถานพินิจ ไม่ได้ลงโทษเด็ก ที่หลบหนีตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด หรือให้ใช้แป๊ปตีแล้วราดซีม่าโลชั่นที่อวัยวะเพศของ ด.ช.บอย ซึ่งข้อเท็จจริงนั้นไม่ได้เป็นไปตามการร้องเรียน
ผอ.สถานพินิจนครศรีธรรมราช กล่าวว่าข้อเท็จจริง ด.ช.บอย รายนี้เพิ่งเข้าสถานพินิจได้ ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนเกิดเหตุเด็กหลบหนี และในส่วนตัวของ ด.ช.บอย นั้นเป็นโรคผิวหนังคันที่บริเวณขาหนีบ ทราบว่ามีการนำยาซีม่ามาทา รักษาโรคผิวหนังที่คันบริเวณขาหนีบ ช่วงจังหวะนั้นมีกลุ่มเพื่อนๆ ของ ดช.บอย เองบอกว่าจะช่วยทายาให้ แต่กลับกลั่นแกล้งด้วยการเทยาซีม่าโลชั่น ที่บริเวณขาหนีบจนหมดขวด และไปโดนอวัยวะเพศจนแสบร้อน ทำให้อวัยวะเพศบวมเป่งจนทางเจ้าหน้าที่ต้องนำส่ง รพ.ในเวลาต่อมา ซึ่งมาทราบอีกครั้งว่าทางผู้ปกครองร้องเรียนและกล่าวหาสถานพินิจว่าโหดร้าย
ในความเป็นจริงเจ้าหน้าที่ไม่ได้กระทำรุนแรงตามที่ญาติของเด็กกล่าวหาแต่อย่างใด และพรุ่งนี้ (18 ม.ค.53) เวลา 09.00 น.จะมีการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชนทราบต่อไป
จากกรณีที่เด็กและเยาวชนรวม 23 คนในสถานพินิจเด็ก เยาวชนและครอบครัว จ.นครศรีธรรมราช แหกห้องขังหลบหนีเมื่อกลางดึก วันที่ 12 ม.ค.2553 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ระดมกำลังออกติดตามจับกุมหลายชั่วโมงจนสามารถจับกุมกลับมาได้เกือบทั้งหมด ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วันนี้ (17 ม.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางไร (นามสมมติ) อายุ 38 ปี มารดาของ ด.ช.บอย อายุ 14 ปี ภูมิลำเนาอยู่ อ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ที่ถูกตำรวจ สภ.หัวไทร จับกุมในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ ถูกส่งตัวเข้าสถานพินิจ แต่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแหกห้องขังหลบหนี ได้เข้าเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ด.ช.บอย ถูกส่งตัวเข้าสถานพินิจ เมื่อวันที่ 9 ม.ค.2553 ยังไม่รู้จักใครเลย และในคืนวันที่ 12 ม.ค.2553 เด็กในสถานพินิจ จำนวน 23 คนแหกลูกกรงเรือนนอนหลบหนี แต่ที่สำคัญนั้น ด.ชบอย ไม่ได้หลบหนีออกไปด้วย
“แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่ติดตามตัวเด็กกลับมาได้เกือบทั้งหมด ปรากฎว่า ได้เรียกประชุมเด็กทั้งหมด และดำเนินการลงโทษเด็กทั้งหมดที่หลบหนี และไม่หลบหนี โดยเจ้าหน้าที่ และผู้บริหารบางคนบอกว่าต้องรับผิดชอบร่วมกัน วิธีการลงโทษคือได้สั่งให้เด็กใช้แป๊บน้ำทุบตีเพื่อนคนอื่นๆ อย่างโหดร้ายทารุณ ด.ช.บอย ได้โวยวายว่าตัวเองไม่ได้กระทำผิดอะไร แต่มาโดนทุบตีด้วย ทำให้มีเจ้าหน้าที่บางคน และผู้บริหารบางคน นำยาซีม่าโลชัน 2 ขวด พร้อมสั่งให้เด็ก 1 คนจับ ด.ช.บอย แก้ผ้าแล้วรูดหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศออก แล้วจึงราดด้วยยาซีม่าโลชั่น ที่มีฤทธิ์แสบร้อนกับเนื้อเยื่ออ่อนจนปวดแสบปวดร้อน และพยายามร้องให้หยุดแต่กลับถูกราดซ้ำจนหมดขวดที่สอง”
จนกระทั่งช่วงค่ำทางสถานพินิจต้องนำตัวส่งรักษาที่สถานีอนามัยเขต 11 นครศรีธรรมราช ซึ่งอยู่ทางสถานีอนามัยจึงแจ้งให้ญาติๆ ทราบ ทางญาติๆ จึงรีบเดินทางมาที่สถานีอนามัยเขต 11 และเห็นว่า ด.ช.บอยอาการหนัก เพราะอวัยวะเพศบวมและเริ่มเปื่อยอักเสบ จึงทำเรื่องขอประกันตัวจากศาลเด็กเยาวชนและครอบครัว โดยทางใช้ศาลขอให้ทาง ผอ.สถานพินิจ นำหลักฐานการตรวจร่างกาย ด.ช.บอย มาประกอบการพิจารณา
แต่ปรากฎว่าไม่นำเอกสารมาแสดงให้ทางญาติๆ จึงต้องไปขอใบรับรองการตรวจร่างกายจากแพทย์สถานีอนามัยเขต 11 โดยตรงมายื่นต่อศาลพร้อมเงินสด 7,000 บาท ศาลได้พิจารณาให้ประกันตัว ด.ช.บอย จึงสามารถนำตัวออกจากสถานพินิจได้แล้วจึงนำตัวไปรักษาที่ รพ.หัวไทร จ.นครศรีธรรมราช ขณะนี้ถึงขั้นไม่สามารถเดินได้เพราะระบมแผลเปื่อยจากอวัยวะเพศ
ด.ช.บอย เปิดเผยว่า ตนเพิ่งเข้าไปในสถานพินิจ ไม่รู้จักใครเลย และในคืนที่เขาหลบหนีตนก็ไม่รู้เรื่องและไม่ได้หลบหนี ตนสามารถชี้ให้ได้ว่าใครเป็นคนสั่งการ โดยสั่งให้เพื่อนดำเนินการแต่ก็เข้าใจว่า เพื่อนก็ต้องทำเพราะถูกคนมีอำนาจในนั้นสั่ง
ในขณะ น.ส.น้อย (นามสมมติ) น้าสาวของ ด.ช.บอย บอกว่า ด.ช.บอย เป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่แยกทางกัน อาศัยอยู่กับยาย และไม่ได้เรียนหนังสือ การก่อเหตุวิ่งราวทรัพย์จนถูกจับกุมตัวเขาก็รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เมื่อเหตุการณ์เป็นอย่างนี้ทางญาติๆ เป็นห่วงสวัสดิภาพของ ด.ช.บอยที่จะต้องกลับเข้าไปในสถานพินิจอีก เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการประกันตัว หากศาลพิจารณาตัดสินลงโทษติดคุกต้องอยู่ในการดูแลของสถานพินิจแห่งนี้ ด.ช.บอย จะไม่ถูกทารุณกรรมมากกว่านี้หรือบอกตรงๆ ว่าตนและญาติๆ ไม่มั่นใจในความปลอดภัยในสถานพินิจ หากศาลพิจารณาตัดสินจะย้ายสถานที่ควบคุมได้หรือไม่
ขณะนายปรีดีอนันต์ ติยานนท์ ผอ.สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า ทางสถานพินิจ ไม่ได้ลงโทษเด็ก ที่หลบหนีตามที่ถูกกล่าวหาแต่อย่างใด หรือให้ใช้แป๊ปตีแล้วราดซีม่าโลชั่นที่อวัยวะเพศของ ด.ช.บอย ซึ่งข้อเท็จจริงนั้นไม่ได้เป็นไปตามการร้องเรียน
ผอ.สถานพินิจนครศรีธรรมราช กล่าวว่าข้อเท็จจริง ด.ช.บอย รายนี้เพิ่งเข้าสถานพินิจได้ ประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนเกิดเหตุเด็กหลบหนี และในส่วนตัวของ ด.ช.บอย นั้นเป็นโรคผิวหนังคันที่บริเวณขาหนีบ ทราบว่ามีการนำยาซีม่ามาทา รักษาโรคผิวหนังที่คันบริเวณขาหนีบ ช่วงจังหวะนั้นมีกลุ่มเพื่อนๆ ของ ดช.บอย เองบอกว่าจะช่วยทายาให้ แต่กลับกลั่นแกล้งด้วยการเทยาซีม่าโลชั่น ที่บริเวณขาหนีบจนหมดขวด และไปโดนอวัยวะเพศจนแสบร้อน ทำให้อวัยวะเพศบวมเป่งจนทางเจ้าหน้าที่ต้องนำส่ง รพ.ในเวลาต่อมา ซึ่งมาทราบอีกครั้งว่าทางผู้ปกครองร้องเรียนและกล่าวหาสถานพินิจว่าโหดร้าย
ในความเป็นจริงเจ้าหน้าที่ไม่ได้กระทำรุนแรงตามที่ญาติของเด็กกล่าวหาแต่อย่างใด และพรุ่งนี้ (18 ม.ค.53) เวลา 09.00 น.จะมีการแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงให้สื่อมวลชนทราบต่อไป