สุราษฎร์ธานี-“ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 “แถลงจับสารวัตรกำนันมือฆ่าพยาบาลโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี สอบสวนเบื้องต้นยังให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ด้านตำรวจเชื่อเอาผิดได้แน่ จากพยานหลักฐานที่มีปมขัดแย้งแย่งมรดกของภรรยา
ที่สำนักงานตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฏร์ธานี พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 แถลงผลการจับกุม นายสัมฤทธิ์ ไฝสุข สารวัตรกำนันตำบลบางไทร อ.เมือง จ.สุราษฏร์ธานี ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิง นางสายจิต ศิลปะรัตน์ อายุ 53 ปี พยาบาลวิชาชีพชำนาญการ สังกัดโรงพยาบาลสุราษฎร์ธานี พี่สาวภรรยาของตนเอง และเป็นผู้จัดการมรดกของแม่ยาย เสียชีวิต เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2552 เหตุเกิดที่หน้าบ้านเลขที่ 16 หมู่ 2 ตำบลคลองน้อย อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฏร์ธานี สาเหตุมาจากการขัดแย้งเรื่องมรดกของแม่ยาย
ภายหลังจากที่ พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ,พล.ต.ต ก่อเกียรติ วงศ์วรชาติ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8,พล.ต.ต.กิตติสัณห์ เดชสุนทรวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ,พล.ต.ต.เทศา ศิริวาโท ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี สั่งการให้ พ.ต.อ.ดาวลอย เหมือนเดช รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ พ.ต.อ.พรศักดิ์ นวนหนู ผกก.สภ.เมืองสุราษฏร์ธานี ร่วมกันสืบสวนสอบสวน ติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีให้ได้
จึงได้จัดชุดปฏิบัติการสืบสวนสอบสวน ประกอบด้วย พ.ต.ท.พยุงศักดิ์ สุรินทร์ รอง ผกก.สส.สภ.เมืองสุราษฏร์ธานี,พ.ต.ท.บัญชา เดชมณี รอง ผกก.ปป.สภ.เมืองสุราษฏร์ธานี และ พ.ต.ท.สุจินต์ นิลบดี สว.สส.สภ.เมืองสุราษฏร์ธานี
จากการรวมพยานหลักฐาน ทราบสาเหตุการตายของ นางสายจิต มาจากกรณีนางสายจิต ได้มีคำสั่งศาลให้เป็นผู้จัดการมรดกของนางเจียมจิต มารดา ซึ่งมีผู้ต้องสงสัยนคดีนี้คือ นายสัมฤทธิ์ ไฝสุข สามีของนางจันทร์ทิพย์ ไฝสุข น้องสาวของ นางสายจิต ผู้ตาย ที่มีเหตุขัดแย้งกับนางสายจิต ในเรื่องทรัพย์มรดกมาตลอด
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้อนุมัติหมายค้นจากศาลจังหวัดสุราษฏร์ธานี ค้นบ้านของนายสัมฤทธิ์ ตามหมายศาลเลขที่ 854/2552 เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2553 เข้าทำการตรวจค้นจับกุมตัวได้ที่บ้านเลขที่ 10 หมู่ 2 ต.คลองน้อย พร้อมตรวจยึดอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก อาวุธลูกซองสั้น 1 กระบอก อาวุธปืนยาวลูกกรด ติดลำกล้อง 1 กระบอก พร้อมซองกระสุนปืน จำนวน 1 ซอง กระสุนปืน ขนาด 11 มม.จำนาน 18 นัด, ขนาด.22 จำนวน 48 นัด
กระสุนปืนลูกซองขนาดเบอร์ 12 จำนวน 37 นัด ปลอกกระสุนปืนขนาด .38 จำนวน 42 ปลอก, ปลอกกระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 14 ปลอก, ปลอกกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 21 ปลอก,ปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 ปลอก
จึงนำส่งตรวจพิสูจน์หลักฐานเปรียบเทียบกับวัตถุของกลางผลปรากฏตามรายงานตรวจพิสูจน์ของกลาง ปลอกกระสุนปืนลูกซองมีตำหนิ ที่เดียวกับปลอกกระสุนที่พบในที่เกิดเหตุ จึงขออนุมัติศาลจังหวัดสุราษฏร์ธานี ที่ 6/2553 ลงวันที่ 5 มกราคม 2553 ความผิดฐาน ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต,พกพาอาวุธปืน และเครื่องกระสุนเข้ามาในเมือง หมู่บ้าน หรือที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร
และได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สภ.เมืองสุราษฏร์ธานี ออกติดตามจับกุมตัว เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2553 เวลา 17.15 น. ได้ผู้ต้องหาพร้อมของกลางอาวุธปืน 11 มม. กระสุนปืน 11 มม.จำนวน 10 นัด ที่บ้านเลขที่ 1/2 หมู่ 4 ตำบลคลองน้อย อำเภอเมือง จังหวัดสุราษฏร์ธานี
พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 กล่าวว่า ถึงแม้ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา เจ้าหน้าที่มั่นใจจากพยานหลักฐานที่มีอยู่ ว่าจะสามารถเอาความผิดผู้ต้องหาได้ พร้อมกันนี้สั่งให้พนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว โดยให้เหตุผลว่าเป็นคดีอุกฉกรรจ์ และผู้ต้องหามีตำแหน่งหน้าที่ถึงสารวัตรกำนัน พร้อมทั้งเป็นผู้กว้างขวางในพื้น เกรงจะไปข่มขู่พยานในคดี.